“หมอธีระ”แนะรัฐทบทวนนโยบายเปิดประเทศ หลังโควิดทั่วโลกทะลุ 27 ล้านคน

06 ก.ย. 2563 | 02:37 น.

“หมอธีระ ” เผยยอดผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกทะลุ 27 ล้านคน เฉพาะอินเดียกว่า 9 หมื่นคน คาดยอดรวมจะขึ้นอันดับ 2 ของโลกแซงบราซิล แนะประเทศไทยต้องทบทวนนโยบายและมาตรการ ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือควร ยุติ หรือชะลอไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  เกี่ยวกับผู้ติดเชื้อโควิด -19 ว่า สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 6 กันยายน 2563 ทะลุ 27 ล้านแล้วครับ  ติดเพิ่มอีกถึง 281,580 คน ยอดรวมตอนนี้ 27,041,850 คน ตายไปแล้ว 882,976 คน

 

การระบาดยังคงความเร็วเฉลี่ยที่ราว 4 วันต่อ 1 ล้านคน เร็วขึ้นเกือบ 9 เท่าของเดือนมีนาคม และ 3 เท่าของเดือนมิถุนายน

 

อเมริกา ติดเพิ่ม 43,435 คน รวม 6,428,802 คน ตายไปแล้วถึง 192,812 คน อีกราวหนึ่งสัปดาห์จะเสียชีวิตเกินสองแสน  ,บราซิล ติดเพิ่ม 31,199 คน รวม 4,123,000 คน ,อินเดีย ติดเพิ่มโหดมากทำลายสถิติโลกต่อวัน 90,600 คน รวมแล้ว 4,110,839 คน คาดว่าพรุ่งนี้ยอดรวมจะแซงบราซิลขึ้นอันดับสองของโลก ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 70,679 คน

 

รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,205 คน รวม 1,020,310 คน ,เปรู โคลอมเบีย แอฟริกาใต้ เม็กซิโก ยังคงรั้งอันดับ 5-8 เท่าเดิมตามลำดับโดยมียอดรวมเกิน 600,000 คน มีอัตราตายตั้งแต่ 2.3%-10.7% ติดกันเพิ่มเฉลี่ยหลายพันต่อวัน

 

สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี อิหร่าน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ติดกันหลักพันถึงหลายพัน...โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศสนั้นสถานการณ์ดูรุนแรงมากเพราะยังติดเพิ่มถึง 8,550 คน หลายประเทศในยุโรป รวมถึงแคนาดา ปากีสถาน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ติดกันเพิ่มหลักร้อยถึงหลายร้อย

 

ส่วนจีน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และเมียนมาร์ ติดกันหลักสิบถึงหลายสิบ ในขณะที่มาเลเซีย ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

สถานการณ์เมียนมาร์ยังคงดูวิกฤติ และมีข่าวเรื่องการลักลอบเข้ามาที่ไทยผ่านทางสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเราทุกคนคงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานที่ชายแดน รวมถึงโรงพยาบาลต่างๆ ที่ได้รับทราบว่าทำงานกันอย่างหนักมาก และอาจขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ในไม่ช้า หากใครสามารถส่งไปสนับสนุนได้ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง

 

ปัจจุบันนี้สังคมไทยเรามีความเสี่ยงมาก ทั้งในแง่การมีการติดเชื้อในประเทศ ซึ่งยืนยันให้เราเห็นชัดเจนว่า ไวรัสยังมีอยู่ในประเทศ เคสที่ติดเชื้อในเรือนจำนั้นแม้จะกำลังติดตามสืบหาที่มา แต่ต้องยอมรับว่ายากยิ่งนัก ในขณะที่จำนวนผู้สัมผัสกว่า 700 คน ก็ต้องติดตามดูอาการและผลการตรวจต่อไป

 

แต่ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นไปได้ยากมากๆ ที่จะตามหาผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้นการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีสติเสมอ ป้องกันตนเองและครอบครัว ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร พูดน้อยพบคนน้อยลงสั้นลง เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร จึงจำเป็นอย่างยิ่ง

 

นอกจากนี้การเช็คอิน เช็คเอ้าท์ "ไทยชนะ" ก็จะมีประโยชน์ต่อตัวเราและสังคม เวลาเกิดเหตุการณ์ดังเช่นเคสดีเจรายล่าสุดนี้ หากไม่ช่วยกันทำ การแจ้งเตือนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่รู้ว่าใครมาใช้บริการที่ต่างๆ บ้าง

 

ศึกในประเทศตอนนี้ มีไวรัสอยู๋ แต่ไม่รู้แห่งหนตำบลใด ติดกันมากน้อยเพียงใด

 

ศึกในประเทศตอนนี้ มีกิจกรรมการชุมนุมอยู่เป็นเนืองนิตย์ กิจการห้างร้านเปิดกันทั่ว รวมถึงกิจการที่เสี่ยงสูง เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ ฯลฯ

 

ศึกนอกประเทศตอนนี้การระบาดรุนแรงมากทั่วโลก และพร้อมจะทะลักเข้ามาในประเทศได้ทุกเมื่อ

ภาวะคุกคามที่เกิดขึ้นต่อประชาชน และความมั่นคงของประเทศ คือการแง้มประตู เปิดให้กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ทะยอยเข้ามา และเริ่มเห็นผลชัดเจนคือ เจอการติดเชื้อในแทบทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเรื่อยๆ และดูอัตราการติดเชื้อที่ตรวจพบนั้นอาจมากกว่าที่คาดการณ์

 

รัฐจึงควรทบทวนนโยบายการแง้มประตูประเทศ จำกัดเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด และจำกัดปริมาณตามความสามารถของระบบคัดกรองกักตัวและติดตามที่จะแน่ใจได้ว่ายังมีประสิทธิภาพในการดำเนินการ อย่าโลภ และอย่าประมาท

 

นโยบายและมาตรการต่างๆ ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น...จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยุติ หรือชะลอไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือน หากยังดื้อดึงผลักดันตามที่กำลังเป็นข่าว เราอาจเจอหายนะการระบาดซ้ำอย่างรุนแรงในไม่ช้า .....ประเทศไทยต้องทำได้ ด้วยรักต่อทุกคน