เปิด 10 คำชี้แจงลูกสาวแฝด“บิ๊กตู่”โต้ทุกข้อกล่าวหา

02 ก.ย. 2563 | 08:57 น.

ลูกสาวแฝด “บิ๊กตู่” ส่งทนายแจ้งเอาผิดคนโฟสต์หมิ่นประมาทผ่านทวิตเตอร์-สื่อออนไลน์ พร้อมชี้แจงตอบโต้ 10 ข้อกล่าวหา

 

บ่ายวันนี้(2 ก.ย.63) ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน รับมอบอำนาจจาก น.ส.ธัญญา และ น.ส.นิฏฐา จันทร์โอชา สองบุตรสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีต่อผู้ที่เผยแพร่ข้อความเท็จซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง โดยมี พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1 ร่วมสอบปากคำ

 

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ตนรับมอบอำนาจจากบุตรสาวทั้งสองของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้มาแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล นิติบุคคลและสื่อออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะทวิตเตอร์ รวมกว่าหลักร้อยบัญชีที่ลงข้อมูลเท็จให้ร้ายเสียหาย ซึ่งมีคนหลงเชื่อ ไม่ไตร่ตรองนำไปแชร์ต่อและแสดงความเห็นอย่างเสียหาย ถือเป็นการหมิ่นประมาทบุคคลที่สาม เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงต้องการให้ตำรวจตรวจสอบว่ามีใครที่ทำผิดบ้าง

 

ส่วนกรณีมีนักการเมืองไปนำข้อมูลมาโพสต์แชร์ต่อด้วยนั้น ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนจะพิจารณาว่าเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนหรือไม่ ซึ่งลูกความทั้งสองยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ เพื่อเป็นบรรทัดฐานไม่ให้เกิดขึ้นอีก

                                                            เปิด 10 คำชี้แจงลูกสาวแฝด“บิ๊กตู่”โต้ทุกข้อกล่าวหา

 

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ นายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยไม่ได้สั่งหรือกำชับอะไรมา แต่ตนมาในนามส่วนตัวเพราะลูกความถูกใส่ร้ายเสียหาย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยมีการกล่าวหามาโดยตลอด ลูกความพยายามอดกลั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ล่าสุดเป็นเรื่องร้ายแรง หาว่าทุจริตโกงเงินประเทศหลักหมื่นล้านซึ่งไม่มีมูลความจริง เป็นการให้ร้ายเสื่อมเสียกับวงศ์ตระกูล จึงได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงใน 10 ประเด็น ดังนี้

 

 

1.เปลี่ยนชื่อ และเปลี่ยนนามสกุลกลับเป็นของมารดาเพื่อหลบหนีคดีฟอกเงินของบิดา ยืนยันว่าไม่เคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลโดยใช้ชื่อเดิมตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน

 

2.ไม่ได้อยู่ประเทศไทย ยืนยันว่า ทั้งคู่ใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในประเทศไทย

 

3.เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย ยืนยันว่าไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย แต่เคยไปเที่ยวครั้งเดียวเมื่อยังเด็ก

 

4.เรียนอยู่ต่างประเทศ ยืนยันว่าเรียนชั้นประถมและมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และ 3.96 จบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับสองทั้งคู่

 

5.สอบตกปริญญาโท ยืนยันว่าไม่เคยเรียนต่อปริญญาโทและไม่เคยสอบตก

 

6.พักอาศัยอยู่คฤหาสน์ที่ประเทศอังกฤษโดยมีเจ้าสัวซื้อให้ ยืนยันว่า ไม่เคยพำนักในอังกฤษ หรือประเทศใดเป็นเวลานาน เคยไปเที่ยวประเทศอังกฤษครั้งล่าสุดปี 2558 โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเข้าพักตามโรงแรมปกติ

 

7.ซุกเงิน ฟอกเงินโดยบิดาโอนเงินเข้าบัญชีที่ต่างประเทศ ยืนยันว่าไม่มีบัญชีที่ต่างประเทศ มีเพียงที่ไทย และบิดาเคยโอนเงินให้เมื่อปี 2556 ซึ่งบิดาเคยแสดงบัญชัทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ปี2557 เป็นเงินที่ได้จากการขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา มีศักดิ์เป็นปู่ ที่นำมาแบ่งกับลูกหลาน

 

 

8. บิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกทั้งสองคนเพื่อฟอกเงินข้อเท็จจริง บิดาโอนเงินให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือความลับใด ๆ บิดาเป็นผู้ชี้แจงเองและแจกแจงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป. ป. ช. อย่างเปิดเผยตั้งแต่เมื่อครั้งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2557 และยังปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไปหลายครั้งแล้วโดยเงินส่วนนี้มีที่มาจากการขายที่ดินของพันเอกประพัฒน์จันทร์โอชา (คุณปู่) และมีการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัวซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมามากกว่า 50 ปี

 

9.ไม่มีภาพปรากฎในโลกออนไลน์ ยืนยันว่ตนทั้งคู่ไม่มีโซเชียลมีเดียใดๆ เพื่อนๆ ต่างรู้กันว่าไม่ขอออกสื่อเพื่อป้องกันการแอบอ้าง และ

 

10.ไม่เปิดเผยตัวตนเหมือนลูกนักการเมืองอื่นๆ ทั้งนี้ตนทั้งสองไม่ต้องการได้รับอภิสิทธิ์หรือรับผลประโยชน์ใดที่เกี่ยวข้องกับบิดา หรือตกเป็นที่สนใจของสังคม หากมีใครแอบอ้างถึงพวกตนทั้งสองว่าสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นได้นั้น ยืนยันว่าเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น หากพบเบาะแสใดเกี่ยวกับการให้ร้ายพวกตน ส่งอีเมล์มาที่ [email protected]

 

พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า ขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่าจะต้องดำเนินคดีกับผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลักร้อยคนหรือไม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่ามีผู้ใดกระทำผิดบ้าง จากนี้อาจต้องตั้งคณะทำงานในระดับกองบังคับการ โดยอาจพิจารณาการทำงานกับหน่วยงานร่วม ทั้งนี้เพราะเป็นคดีที่น่าสนใจในหมู่ประชาชนและเพื่อสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ยืนยันว่าไม่มีความกดดัน ยอมรับว่าตนก็เพิ่งทราบชื่อลูกสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยออกสื่อ