"เจพีมอร์แกน" ชี้ทรัมป์มีโอกาสชนะเลือกตั้งมากขึ้น

01 ก.ย. 2563 | 23:47 น.

นักวิเคราะห์ของ “เจพีมอร์แกน” บริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินและการลงทุนระดับโลก เตือนนักลงทุนว่า โอกาสมีมากขึ้นที่ปธน.โดนัล์ ทรัมป์ จะชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง ซึ่งต่างไปจากผลการสำรวจที่ผ่าน ๆมาที่ทรัมป์ตกเป็นรองคู่แข่งอย่างนายโจ ไบเดน อยู่มาก  

 

นายมาร์โค โคลาโนวิก นักวิเคราะห์ของ บริษัทเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับ โอกาสมากขึ้นที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.นี้ และ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 โดยเขาระบุว่า โอกาสของปธน.ทรัมป์ที่จะชนะการเลือกตั้งได้ตีตื้นขึ้นมาเกือบเสมอ นายโจ ไบเดน คู่ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้โอกาสชนะของทรัมป์ยังเป็นรองไบเดนอยู่มาก โดยสาเหตุมาจากการที่ความคิดเห็นของประชาชนอาจเปลี่ยนแปลงไปหากมีการประท้วงที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นในสหรัฐ รวมถึงอคติที่อาจเกิดขึ้นในการสำรวจความคิดเห็น

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งมากขึ้น

“จากการวิจัยที่ผ่านมา อาจมีการเปลี่ยนแปลงคะแนนสนับสนุนราว 5-10 จุดในผลการสำรวจ หากการประท้วงเปลี่ยนจากแบบสันติไปเป็นความรุนแรง และการที่ประชาชนให้คำตอบที่ไม่ถูกต้องก็อาจบิดเบือนผลการสำรวจได้ราว 5-6%” นายโคลาโนวิกยังเตือนด้วยว่า "แน่นอนว่าอะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง 60 วันข้างหน้า แต่ขณะนี้ เราเชื่อว่าแนวโน้มในการสนับสนุนปธน.ทรัมป์จะดำเนินต่อไป ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดว่านายไบเดนจะชนะการเลือกตั้ง"

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“เราจะสร้างอนาคตอันสดใสของอเมริกาในอีก 4 ปีข้างหน้า”

ความล้มเหลวของรัฐบาล “ทรัมป์” ในมุมมองบารัก โอบามา (คลิป)

ศึกเลือกตั้งปธน.สหรัฐร้อนฉ่า “ไบเดน” ผงาดคู่แข่งทรัมป์อย่างเป็นทางการ  

"มิเชล โอบามา" เชือดนิ่ม ๆทรัมป์ “เลือกคนผิด มันก็เป็นเช่นนี้” (คลิป)

ทั้งนี้ ความได้เปรียบที่ลดลงของนายไบเดนในผลสำรวจนั้น อาจเทียบเคียงได้กับการเลือกตั้งในปี 2559 ซึ่งนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตชนะคะแนนสนับสนุนจากประชาชน (popular vote) หลายล้านคะแนน แต่คณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ของแต่ละรัฐกลับเป็นผู้ชี้ขาดผลการเลือกตั้ง และลงเอยด้วยการสนับสนุนให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปีดังกล่าว

 

นายโคลาโนวิกระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการเลือกตั้งในสัปดาห์ต่อ ๆไป และควรจะต้องจับตาให้ดีนั้น ได้แก่สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดูเหมือนว่าอาจจะลดลงเมื่อวันเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ใกล้เข้ามา