สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นับตั้งแต่ ฤดูมรสุม เริ่มขึ้น ปากีสถาน อินเดีย บังกลาเทศ อัฟกานิสถาน และ เนปาล ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก อุทกภัย ใน ภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งมีจำนวนประชากร 1 ใน 4 ของโลก ไม่เพียงเท่านั้น มรสุมยังเพิ่มความเสี่ยงของการป่วยเป็นโรคมาลาเรีย ไข้เลือดออก ท้องร่วง และการติดไวรัสโคโรนาด้วย
ฤดูมรสุมของเอเชียใต้ ส่งผลกระทบต่ออนุทวีปอินเดียช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย. ของทุกปี มักก่อให้เกิดพายุไซโคลนและอุทกภัยร้ายแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และทำให้ผู้คนหลายล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบต่ำต้องพลัดพรากจากบ้าน
ทั้งนี้ บรรดานักวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝนตกชุกบ่อยขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ที่พัฒนาแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“อินเดีย” สะดุดโควิด ข้าวนึ่งไทยได้เฮ
บิ๊กป้อม สั่งรับมือ น้ำท่วม 40 จังหวัด
อินเดียเปิด "ทัชมาฮาล" วันนี้ แม้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวันพุ่ง
ชาวอัฟกันตกหลุมร้ายถึง 3 หลุม
อุทกภัยได้เพิ่มระดับความทุกข์ยากของอัฟกานิสถาน จากที่ต้องเผชิญภัยสงครามและการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
สำนักงานกระทรวงการจัดการภัยพิบัติและกิจการด้านมนุษยธรรมของอัฟกานิสถานระบุว่า เมื่อนับถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 ส.ค.) เหตุน้ำท่วมร้ายแรงทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 122 ราย บาดเจ็บ 147 รายและผู้สูญหายอีกหลายรายใน 12 จังหวัดทางตะวันออกของประเทศ
น้ำท่วมครั้งร้ายแรงนี้ยังทำลายบ้านเรือน 1,500 หลัง ร้านค้า 23 แห่งและพื้นที่การเกษตรมากกว่า 1,100 เฮกตาร์ (ราว 6,875 ไร่) และทำให้สัตว์เลี้ยงในฟาร์มสูญหายถึง 600 ตัว
เหตุโจมตีด้วยระเบิดและความรุนแรงยังคงพบเห็นอยู่เนือง ๆ ในประเทศอัฟกานิสถาน ที่ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มติดอาวุธต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข
นาอีม นาซารี รองหัวหน้าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอิสระของอัฟกานิสถานรายงานว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พลเรือนมากกว่า 1,200 คนเสียชีวิตและอีกกว่า 1,700 คนได้รับบาดเจ็บจากภัยสงคราม นอกจากนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 ส.ค. ยังชี้ว่า ประเทศอัฟกานิสถานกำลังเผชิญภัยใหม่จากโรคโควิด-19 โดยมีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ยืนยันแล้ว 22 ราย ส่งผลให้ตัวเลขสะสมผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 38,165 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 1,402 ราย นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคนี้ในเดือนก.พ. ที่ผ่านมา
รุกหนักทั้งอุทกภัยและโรคร้าย
ส่วนที่ปากีสถานและอินเดีย ฤดูมรสุมกำลังกระหน่ำทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเดือดร้อนอยู่แล้วจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และโรคติดต่ออื่น ๆ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมราว 70,000 ราย (จากทั้งสองประเทศ)
อย่างไรก็ตาม อุทกภัยที่กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 12 รายจากภาวะน้ำท่วมและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับฝน ในรัฐโอดิชาทางตะวันออกของอินเดีย เจ้าหน้าที่กล่าวเมื่อวันเสาร์ (29 ส.ค.) โดยสถานีวิทยุแห่งชาติอินเดีย (AIR) รายงานว่า เดือนส.ค. ปีนี้ มีปริมาณฝนตกมากที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษ
ทั้งนี้ ข้อมูลของฝ่ายจัดการภัยพิบัติของรัฐพิหาร (BDMD) ของอินเดีย ระบุว่าเหตุน้ำท่วมต่อเนื่องได้บุกพื้นที่ 16 เขตทั่วรัฐ ส่งผลกระทบต่อประชากรราว 8,362,451 คน
ขณะเดียวกัน ที่ปากีสถานมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 163 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 101 รายจากภัยพิบัติฤดูมรสุมตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. มาจนถึงขณะนี้
หน่วยงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (NDMA) ของปากีสถานรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) ว่าจังหวัดสินธุใต้เป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิต 61 รายและผู้ได้รับบาดเจ็บ 22 ราย
ส่วน “การาจี” เมืองเอกของจังหวัดสินธุได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากฝนมรสุมครั้งนี้ น้ำท่วมทำให้ชีวิตผู้คนในเมืองหยุดชะงัก
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า 90% ของกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในเมืองล้วนติดขัดหลังจากฝนห่าใหญ่ซัดโจมตีเมืองเมื่อหลายวันก่อนและยังคงดำเนินต่อเนื่องมา
นายไซเอ็ด มุราด อาลี ชาห์ หัวหน้ารัฐมนตรีจังหวัดสินธุ กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ว่า (28 ส.ค.) การาจีบันทึกปริมาณน้ำฝนได้ถึง 604 มิลลิเมตรในช่วงเดือนส.ค. ทำลายสถิติเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของหลายปีที่ผ่านมา
“แอ่งน้ำนิ่งจำนวนมากได้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับยุง สร้างความเสี่ยงสูงต่อโรคต่าง ๆ เช่น ไข้เลือดออกและมาลาเรีย” อบิเชค ริมาล ผู้ประสานงานด้านสุขภาพฉุกเฉินระดับภูมิภาคของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ในเอเชียแปซิฟิกกล่าว
กรมอุตุนิยมวิทยาของปากีสถานคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักมากขึ้นในบางพื้นที่ของประเทศในต้นสัปดาห์นี้ (31 ส.ค.) และได้ออกคำเตือนว่าจะเกิดน้ำท่วมตัวเมืองในบางเมืองรวมถึงการาจี
ระดับน้ำในบังกลาเทศลดลง
บังกลาเทศกำลังเผชิญวิกฤตไม่แตกต่างกัน โดยกองอำนวยการบริการสุขภาพ (DGHS) รายงานพบผู้ติดโรคโควิด-19 รายใหม่ 1,897 รายและผู้เสียชีวิตรายใหม่ 42 รายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.) ดันยอดรวมผู้ติดเชื้อแตะที่ 310,822 ราย และยอดรวมผู้เสียชีวิตที่ 4,248 ราย ท่ามกลางความโชคร้ายดังกล่าว ภาวะฝนตกหนักยังทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำเติมอีก
อุทกภัยในบังกลาเทศเกิดจากน้ำท่วมรุนแรง 3 ระลอก ขณะนี้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางดีขึ้น หลังจุดสังเกตการณ์ส่วนใหญ่จากทั้งหมด 101 จุดในเขตลุ่มน้ำหลัก 4 แห่ง เริ่มมีระดับน้ำลดลง
ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและการควบคุมโรครายงานว่า น้ำท่วมได้คร่าชีวิตผู้คนในบังคลาเทศไปแล้ว 226 รายใน 33 อำเภอ (จากทั้งหมด 64 อำเภอ) นับตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. ขณะการสูญเสียทางการเกษตรประเมินค่าได้ราว ๆ 1.32 หมื่นล้านตากา (ประมาณ 4,860 ล้านบาท)
นายอับดูร์ ราซซาเก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของบังกลาเทศ เปิดเผยกับสื่อมวลชนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีพืชผลการเกษตรใน 37 เขต รวมพื้นที่ราว 158,000 เฮกตาร์ (ราว 987,500 ไร่) ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้