COVID-19 ระลอกสองในเมียนมา

31 ส.ค. 2563 | 00:00 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

 

          ในวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ข่าว COVID-19 ที่เมียนมาดังกระหึ่มไปทั่วโลก เพราะภายในวันเดียวตัวเลขผู้ติดเชื้อกระโดดขึ้นมาเป็นร้อย ทำให้มีการแตกตื่นกันว่า COVID-19 ระลอกสองกำลังจะมาแล้วหรือนี่ ผมเองได้รับข่าวของตอนเช้าวันที่ 26 ว่ามีผู้ติดเชื้อที่เมียนมาเพิ่มอีก 50 กว่าราย ตอนแรกก็ยังไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง พอบ่ายๆ ก็ได้ข่าวเพิ่มเป็น 70 กว่า ก็ชักจะไม่ใช่ข่าวปลอมแล้ว และค่ำๆ ก็เพิ่มเป็นร้อยกว่า แสดงว่าชัดเจนแล้วครับ จึงค่อนข้างจะวิตกว่าคงจะเข้าไปย่างกุ้งไม่ได้ยาวแน่ๆ หลายเรื่องที่จะต้องทำในย่างกุ้ง คงจะต้องชะลอออกไปอีกอย่างแน่นอนแล้วครับคราวนี้

          สาเหตุที่ได้ข่าวมาคือมาจากผู้ติดเชื้อที่ทางการเมียนมาเจอ คือที่เมืองชิตต่วย เมืองหลวงของรัฐยะไข่ เมืองที่น่ารักทั้งคนและทิวทัศน์ เมืองนี้ผมไปเยี่ยมเยือนดีลเลอร์หรือคู่ค้าของผมเมื่อสัก 7-8 ปีก่อน เมืองนี้อยู่ตอนบนของรัฐยะไข่ มีประชากรประมาณ 3 ล้านคน ยังจำได้ถึงสภาพบ้านเมืองของเขาเป็นอย่างดี เพราะหลังจากลงจากเครื่องบิน เราต้องแสดงตนที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เหมือนที่เมืองอื่นๆในเมียนมา แต่พอออกจากสนามบินเดินทางเข้าเมือง ตอนที่ไปถึงก็ช่วงเย็นๆ เกือบค่ำ ที่บนต้นไม้สองข้างทางเข้าเมือง จะเต็มไปด้วยค้างคาวแม่ไก่ เกาะอยู่บนต้นไม้เยอะมากๆ ตื่นตาตื่นใจจริงๆ

          ที่นี่ดีลเล่อร์หรือคู่ค้าผมเป็นชาวอาระกัน หน้าตาออกแขกนิดๆ ตอนที่ไปเยี่ยมเขา ได้คุยกันถึงเรื่องค้าขายกันพอประมาณ เขาก็เชิญเราไปที่บ้านเขา พอไปถึงบ้านเขาพบกับครอบครัวเขา ที่มีลูกๆสามสี่คนและภรรยา เขาก็เอ่ยปากถามถึงครอบครัวของผม ผมบอกว่าผมมีลูกชายสามคน เขาก็เลยขอยกลูกสาวคนโต อายุประมาณ12 ขวบให้ผมเป็นลูกสาว ให้ผมพากลับกรุงเทพได้เลย ตอนแรกผมนึกว่าเขาพูดเล่น แต่หลังจากที่พักอยู่ที่นั่น 4 วัน วันกลับเขาจะเอาจริงๆแหะ ผมก็ได้แต่บอกว่าคงจะไม่ได้หรอก เพราะมีขั้นตอนทางกฏหมายอีกเยอะแยะ ไม่สามารถครับ

          ส่วนพื้นที่ของเมืองนี้ส่วนใหญ่จะติดทะเล อาหารทะเลอุดมสมบูรณ์มาก ที่น่าสนใจคืออาหารการกินที่นี่จะกระเดียดมาทางอาหารไทย เขาทานกระปิ น้ำปลา เหมือนเรานี่แหละครับ ขนมจีนของเขา เขาจะทำน้ำซุปด้วยปลาแห้งต้มใสๆ ใส่กระปิและพริกขี้หนูตำแหลกๆ หอมอร่อยมากครับ ที่ชายทะเลจะมีประภาคารสวยมาก ผมยังได้ถ่ายรูปเก็บใว้เป็นที่ระลึกด้วยครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐกิจหลังโควิดของเมียนมา
การรุกตลาดเมียนมาหลัง COVID19
มองเมียนมาดึงนักลงทุนต่างชาติ

         

          กลับมาที่เรื่องข่าวดังก่อน ที่จริงที่เขตรัฐยะไข่ด้านตอนบนของรัฐ จะมีชายแดนติดกับประเทศบังคลาประเทศ ซึ่งชายแดนส่วนใหญ่ จะเป็นช่องทางธรรมชาติ ผู้คนเดินทางข้ามไปมากันเป็นปกติ ง่ายกว่าการข้ามแดนด่านแม่สอด-เมียวดีด้วยซ้ำไป ด้านสาธารณสุขพื้นฐานเขาจะด้อยกว่าที่กรุงย่างกุ้งเยอะ ดังนั้นในช่วงแรกที่ข่าวออกมา ผมยังคิดว่าไม่น่าแปลกใจ เพราะถ้ามีการตรวจหาเชื้อเจ้าวายร้ายCOVID-19 อย่างละเอียดเข้มข้น อย่างไงก็ต้องเจอครับ แต่พอข่าวดังออกมาเรื่อยๆ ก็ชักจะไม่แน่ใจเสียแล้วครับ คิดว่าของจริงคงต้องรอดูอีกนิดก่อน จึงจะมองออกว่าระลอกสองของจริงหรือเปล่า เพราะหลายกระแสก็บอกว่าถ้ายอดผู้ติดเชื้อภายในสิ้นเดือนนี้ หากทะลุไป 800 คนก็น่าจะเป็นของจริง บางกระแสก็บอกว่า หากถึงวันที่ 10 เดือนหน้ามีผู้ติดเชื้อ 1000 คน นั่นแสดงว่าของจริง จึงต่างถูกวิเคาระห์กันไปต่างๆนาๆครับ เราเองคงต้องระวังกันไปก่อนจะดีกว่านะครับ เพราะรัฐบาลเมียนมาเอง ก็ออกมาประกาศห้ามประชาชนทุกคนออกจากเคหะสถานโดยไม่จำเป็น และห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้าออกเขตรัฐยะไข่แล้ว

          พอมาเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ข่าวก็ออกมาว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 217 คน และวันเสาร์ที่ 29 พบเพิ่มอีก 41 คน รวมเป็น 643 คน เอะชักใกล้เข้ามาแล้ว อีกทั้งในช่วงบ่ายๆ ของวันศุกร์ ท่านดอร์ ออง ซาน ซูจีก็ได้ออกมาโพสต์ YouTube ช่อง Eleven News รวมกับ U Nyi Pu รัฐมนตรีประจำรัฐยะไข่ ดร. Sai Win Zaw Hlaing ผู้อำนวยการด้านสุขภาพของรัฐยะไข่ และ Ko Saw Thaw Moe Eh อาสาสมัครที่ทางรัฐบาลส่งมาจากส่วนกลางไปประจำที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่เมืองชิตต่วย โดยท่านดอร์ ออง ซาน ซูจีได้ออกมาให้คำมั่นว่า จะส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์และเงินช่วยเหลือ พร้อมทั้งจะไม่ให้ผู้คนในรัฐนี้ขาดแคลนอาหารและเครื่องบริโภคแน่นอน รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังร้านค้าให้เปิดบริการโดยที่จำเป็นเท่านั้น

          ส่วนสาเหตุดังกล่าวทางรัฐมนตรีประจำรัฐยะไข่  U Nyi Pu กล่าวถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นว่า เนื่องจากรัฐยะไข่ขณะนี้กำลังมีการต่อสู้กันระหว่างกองกำลังของรัฐบาลกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์กองทัพอาระกัน ทางตอนเหนือของรัฐและบางส่วนในรัฐชินที่มีพื้นที่ติดกับรัฐยะไข่ การปะทะกันครั้งนี้ มีการใช้อาวุธที่รุนแรงมาก จึงกระตุ้นให้ประชาชนหลายหมื่นหนีออกจากบ้านไปยังค่ายชั่วคราว จึงเกิดการรวมตัวของผู้คน และสาเหตุอีกประการหนึ่งคือประชาชนในรัฐยะไข่พื้นฐานการศึกษาจะด้อยกว่ารัฐอื่น การรับรู้ข่าวสารจะไม่ค่อยดี ปัจจุบันนี้การออกนอกบ้านจะไม่มีการสวมหน้ากากอนามัยกัน จึงได้กระจายเชื้อโรคร้ายได้อย่างรวดเร็ว ทางรัฐบาลเมียนมาเองก็กำลังหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว

          ที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทยเรา ผมเห็นประกาศจากทางการไทย ให้เฝ้าระวังจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา 10 จังหวัด ถ้ากล้าๆกว่านี้อีกสักนิด น่าจะสั่งให้ดำเนินการเข้มข้นกว่าการเฝ้าระวังก็ดีนะครับ เพราะถ้า COVID-19 ระลอกสองจากเมียนมาเกิดขึ้นจริงตามที่หลายสำนักคาดการณ์ไว้ เราจะได้ “เอาอยู่” นะครับ อย่ารอให้ถั่วสุกเดี๋ยวงาจะใหม้ซะก่อนนะครับ