หลังการปรับครม.ประยุทธ์ 2/2 ที่มีการโยกย้ายหัวเรือใหญ่ทีมเศรษฐกิจจาก“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็น “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพลังงาน ดูเหมือนจะสะเทือนถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำกระทรวงไปด้วย โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็น 1 ในกระทรวงที่ถูกเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงการคลัง นายประสงค์ พูนธเนศ ยังเกษียณอายุราชการอีกด้วย
การแต่งตั้งโยกย้ายปีนี้ของกระทรวงการคลังเรียกว่า ฝุ่นตลบ เพราะนอกจากจะมีข้าราชการระดับสูงเกษียณพร้อมกันถึง 3 คนแล้วยังเรียกว่า มีการโยกสลับตำแหน่งในระดับอธิบดีทุกกรม ยกเว้นเพียงกรมสรรพากรเท่านั้น ที่ยังถูกจับจองโดย นายเอกนิติ นิติฑััณประภาศ อธิบดีเจ้าเดิม
ท่ามกลางกระแสข่าวการนำรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่จ.ระยองเมื่อ 25สิงหาคม แต่ท้ายที่สุดนายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกมาระบุว่าไม่ได้มีการเสนอเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูง ระดับอธิบดีกรมต่างๆ ให้ที่ประชุมครม. พิจารณาโดยจะเสนอใหม่อีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานว่ารายชื่อที่เตรียมไว้นั้น ไม่ถูกใจนายกรัฐมนตรีเท่าไรนัก จึงเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน โดยรายชื่อที่เสนอ ประกอบด้วย
อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าว นายุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ต้องการกลับไปที่กรมศุลกากร เพราะนอกจากเป็นกรมภาษีใหญ่แล้ว ยังเป็นลูกหม้ออีกด้วย ก่อนขยับมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง และรองปลัดกระทรวงการคลัง และช่วงเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์ มีผลงานโดดเด่นในการประสานการทำงานกับทหารบก (บก.) ในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ เพื่อสร้างรายได้ให้กับกระทรวงการคลับมากขึ้น
ขณะที่คนที่จะมากรมธนารักษ์แทนคือ นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ซึ่งนายประภาศ เคยเป็นผู้อำนวยการ สบน.และรองปลัดกระทรวงการคลังมาก่อน โดยจุดเด่นคือ นายประภาศมีความรู้ความสามารถด้านการบริหารรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นหากมากรมธนารักษ์ ก็จะสามารถดูแลที่ราชพัสดุที่อยู่ในมือของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจให้มีรายได้เพิ่มขึ้นได้
ที่น่าจับตามากที่สุดคือ ตำแหน่งอธิบดี ที่ถูกมองว่าเป็นสายตรงของนายสมคิด ทั้งนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดี กรมสรรพสามิต ที่มีทั้งจะยังคุมกรมภาษี อย่าง กรมศุลกากร หรือ ถูกโยกไปนั่งเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง แทนนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลังที่จะเกษียณอายุ ขณะที่นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดี กรมบัญชีกลางจะไปเป็นผู้ตรวจราชการแทนนางญาณี แสงศรีจันทร์
นายพชร รับข้าราชการครั้งแรกที่กองกำกับและพัฒนาระบบเงินนอกงบประมาณ กรมบัญชีกลาง จากนั้นถูกนายสมคิดยืมตัวมาช่วยราชการเรื่อยมา จนได้มาเป็นอธิบดี กรมธนารักษ์ ก่อนขึ้นเป็นอธิบดี กรมสรรพสามิตในปัจจุบัน ควบกับตำแหน่งประธานกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และประธานกรรมการธนาคารออมสินด้วย ซึ่งนายพชร มีจุดเด่นตรงที่ทำงานคล่อง ว่องไว ตรงไปตรงมา และสนองต่อนโยบายของรัฐได้ดี
ขณะที่นายภูมิศักดิ์ เคยเป็นผู้ตรวจราชการมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะข้ามมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ก่อนมานั่งเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลางในปัจจุบัน
ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ ยังสู้กันยิบตาแต่คาดว่า นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) จะไปนั่งเก้าอี้ อธิบดีกรมสรรพสามิต แทนนายพชร หลังจากทำงานที่สศค.มายาวนาน โดยนายลวรณ เคยดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงินสศค.รองผู้อำนวยการสศค. และผู้อำนวยการสำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงินมาก่อน หลังจากก่อนหน้านี้ เคยเป็นช่วยราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัย นายสุธี สิงห์เสน่ห์ และนายสุรเกียรติ เสถียรไทย
นายลวรณถือเป็นลูกหม้อกระทรวงการคลังอีกคนหนึ่ง ที่มีอนาคต ไกลที่จะไปแตะระดับสูงสุดของอาชีพราชการได้ ด้วยผลงานที่โดดเด่นในการวิเคราะห์เศรษฐกิจและคิดนโยบายการคลังมาสู้รบปรบมือกับเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอตัวมากมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีกระแสข่าวว่าจะถูกโยกไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ก็ตาม
ขณะที่คนที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สศค.แทนคือ นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหารตัวแทนของกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารโลก ประจำอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตำแหน่งตัวแทนของกระทรวงการคลังที่ส่งไป
คงต้องจับตาดูต่อไปว่าสุดท้าย ใครจะมาแรงแซงโค้งในช่วงนาทีสุดท้าย
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,604 วันที่ 27 - 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563