นอกจากรัฐบาลเน้นลงทุนระบบรางแล้ว โครงข่ายถนน -สะพาน- ทางต่างระดับ -การก่อสร้างโครงการทางพิเศษ หรือ ทางด่วน เส้นใหม่ๆ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ยังจำเป็นไม่แพ้กัน เนื่องจาก ความนิยม ผู้ใช้ทาง ยังคงเดินทางโดยรถยนต์ แต่มีคำถามตามมามากว่า หาก ลงทุน ระยะทางสั้นๆ ภายในเขตกรุงเทพมหานคร รับปริมาณรถจาก ที่หนึ่งมากองรวมกันอีกที่หนึ่ง ยอมทำให้เกิดปริมาณสะสมของจราจร รถติดเกิดความหงุดหงิดตามมาเหมือนขว้างงูไม่พ้นคอ เม็ดเงิน ที่ถมลงไปเหมือนสูญเปล่า สำหรับทางออก รัฐมีแผนพัฒนาโครงข่าย รับปริมาณรถเชื่อมโยงจากเมืองหลวง ข้ามออกนอกเมือง ร่นระยะเวลาการเดินทาง และกระจายความเจริญออกสู่ภูมิภาค อีกทั้งยังเกิดการจ้างงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศอีกด้วย เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ กว่าจะเข็นออกประมูลได้แต่ละโครงการไม่ใช่เรื่องง่าย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่20 สิงหาคม 2563ที่ผ่านมา คณะกรรมการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(บอร์ดกทพ.) มีมติ เห็นชอบให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ. ) ว่าจ้าง บริษัท โชติจินดา คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เอพซิลอน จำกัด เป็นที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการทางพิเศษฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี ระยะทาง 104.7กิโลเมตร วงเงิน 380 ล้านบาท เป็นเวลา 540 วัน พร้อมกับเร่งลงนามในสัญญา โดยเร็ว เพื่อให้แล้วเสร็จเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ หาก ศึกษาออกแบบแล้วเสร็จ จะสามารถเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาก่อสร้างทันที
โดยจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ช่วง เริ่ม จาก ช่วงแรก กทพ. จะก่อสร้างจากส่วนต่อเชื่อมจากทางพิเศษฉลองรัช หรือ ทางด่วนสายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก บริเวณ ด่านจตุโชติ จากนั้นมุ่งหน้า ออกไป เข้าสู่พื้นที่เขตจังหวัดนครนายก ตลอดแนว ตัดผ่านพื้นที่โล่งว่าง ที่ดินการเกษตร ชาวบ้าน ระยะทางประมาณ 50กิโลเมตร
ขณะ ส่วนที่ 2 อีกกว่า 50กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นจาก จุดสิ้นสุดโครงการช่วงแรก จากจังหวัด นครนายก ตัดผ่านพื้นที่การเกษตรบ้านเรือนประชาชนที่ส่วนใหญ่ใช้ ทำเกษตรกรรม วิ่งมุ่งหน้าไ เข้าสู่เขตปกครองของจังหวัดสระบุรี จะช่วยเพิ่มความสะดวก ประหยัดเวลาการเดินทางจากภาคตะวันออก และกรุงเทพฯไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม ระยะทาง 104.7 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร (ทิศทางละ 3 ช่องจราจร) สำหรับจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมต่อทางพิเศษฉลองรัชที่ด่านจตุโชติ บริเวณถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก มีแนวเส้นทางไปทางทิศตะวันออก ตัดผ่านถนนหทัยราษฎร์ และถนนนิมิตใหม่ จากนั้น แนวสายทาง เลี้ยวขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตัดผ่าน ถนนลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี บริเวณ กม. 22+500 ทางหลวงชนบท นย.3001 ถนนรังสิต-นครนายก บริเวณ กม. 59+800 มุ่งหน้า ขึ้นไปทางทิศเหนือ ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) บริเวณ กม.116 และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3222 เชื่อมต่อกับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (สายบางปะอิน-นครราชสีมา) และทางเลี่ยงเมืองสระบุรี สิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพ ที่ กม.10+700 อำเภอแก่งคอย มีทางขึ้น-ลง 9 แห่ง จะใช้เงินลงทุน 80,594 ล้านบาท มีค่าเวนคืนที่ดิน 7,395 ล้านบาท และค่าก่อสร้าง 73,198 ล้านบาท ตามแผนจะเริ่มสร้างปี 2565 แล้วเสร็จในปี 2568
ข่าวที่เกี่ยวเนื่อง
รื้อใหม่! มอเตอร์เวย์ “บางปะอิน-โคราช” เส้นทางผ่านป่าสงวน
แหล่งข่าวจากกทพ. ประเมินว่า โครงการดังกล่าวมีความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เท่ากับ 39,024.00 ล้านบาท อัตราส่วนผลประโยชน์ต่อทุน (B/C) เท่ากับ 1.74 เท่า อัตราผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 17.90% ดังนั้นโครงการมีความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) มากกว่า 12%