“นิสสัน” โยกฐานการผลิตมาไทยเพื่อส่งออกแห่งเดียวใน "อาเซียน"

23 ส.ค. 2563 | 09:35 น.

รมว.อุตสาหกรรมเผยค่ายนิสสันเชื่อมั่นประเทศไทยปิดโรงงานรถยนต์ในอินโดนีเซียมาผลิตที่ไทยแห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน พร้อมแผนดำเนินการธุรกิจระยะยาว

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังหารือกับนายราเมช นาราสิมัน ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า บริษัท นิสสันฯ ได้มีการปิดโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อรวมฐานการผลิตเพื่อส่งออกไว้ที่ประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัว Nissan Kicks รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%  โดยไม่ต้องชาร์จ ซึ่งนำเทคโนโลยีใหม่ e-Powers มาใช้ในรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก (นอกเหนือจาก การผลิตในบริษัทแม่ ณ ประเทศญี่ปุ่น)

สำหรับรถยนต์รุ่นนี้มีการผลิตในไทย  และส่งออกไปจำหน่ายยังญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้แจ้งแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาวในประเทศไทย ทั้งในโครงการผลิตรถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว อันแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทิศทางและนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป

“นิสสัน” โยกฐานการผลิตมาไทยเพื่อส่งออกแห่งเดียวใน "อาเซียน"

ทั้งนี้  กระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความมั่นใจว่า ถึงแม้วิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก แต่กระทรวงยังให้ความสำคัญในการรักษาฐานการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยพร้อมที่จะให้การส่งเสริมและสนับสนุนในทุก ๆ ด้าน

อย่างไรก็ดี  สำหรับมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความมั่นใจว่า มาตรการด้านตลาด (Demand Side) ในด้านการจัดซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่งของผู้บริหารในหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกับสำนักงบประมาณแล้ว เพื่อกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเข้าไป ซึ่งจะเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐสามารถจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานได้ 

ส่วนมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าด้านอื่นๆ เช่น สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไปใช้ เป็นต้น จะได้มีการหารือและดำเนินการผลักดันภายใต้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายของการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำคัญของโลกต่อไป