หุ้นไทยเจอโคขวิด

22 ส.ค. 2563 | 02:00 น.

หุ้นไทยเจอโคขวิด : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3603 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 23-26 ส.ค.2563 By…เจ๊เมาธ์

หุ้นไทยเจอโคขวิด
 

     *** มีคำถามเชิงเปรียบเทียบในเรื่องของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เกี่ยวพันถึงดัชนีหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ นั่นคือที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศวันละมากกว่า “5 หมื่นราย” แต่ทำไมดัชนีหุ้นสหรัฐถึงได้ทำสถิตินิวไฮอยู่เรื่อย ไม่ว่าดัชนี NASDAQ หรือ S&P500 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นไทยซึ่งทันทีที่มีข่าวว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศเป็นรายแรกในรอบเวลาเกือบๆ 3 เดือน แต่ทำไมดัชนีหุ้นไทยถึงเกิดปฏิกิริยาตอบสนองในทางลบรุนแรง จนทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงถึง 21.44 จุด
 

     *** คำตอบก็คือการพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่กระจายของผู้ติดเชื้อในประเทศรอบใหม่ จนทำให้ประเทศไทยอาจจะต้องทำการล็อคดาวน์ประเทศรอบที่ 2 ก็เป็นได้ ในขณะที่รัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา มีความชัดเจนอยู่แล้วว่าจะไม่มีการการล็อคดาวน์ประเทศ ในขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ต่างกับประเทศไทยยังต้องพึ่งเงินตราจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจบริการที่มาจากการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนรายได้ต่อ GDP ที่ค่อนข้างจะสูง ในขณะที่การส่งออกสินค้า การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชนในประเทศ สิ่งเหล่านี้จะถูกการล็อคดาวน์จำกัดการไหลเวียนของรายได้ จนทำให้ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจไทยกลับไปสู่ขาดสภาพคล่องอีกครั้ง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมดัชนีหุ้นไทยถึงตก ...แต่ดัชนีหุ้นสหรัฐกลับยังไปต่อได้

     *** ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา มีหุ้น IPO หลายตัวที่เข้าตลาดฯ และส่วนใหญ่ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น STGT SICT หรือ IIG ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา นั่นก็คือหุ้นโรงไฟฟ้าขยะอย่าง ETC  (บมจ. เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์) ซึ่งมีการกระจายหุ้น IPO จำนวน 600 ล้านหุ้น และมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนภายหลังจากการขายหุ้นถึง 2,240 ล้านหุ้น ด้วยปริมาณหุ้นขนาดนี้มากโข เจ๊จะสาธยายให้ฟังนะคะ ETC หุ้นโรงไฟฟ้าขยะที่มีรายได้มาจากโรงไฟฟ้าแค่ 3 โรง ซึ่งมีปริมาณการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)  20.4 MW เท่านั้น แต่ถึงจะขายหุ้น IPO ในราคาถือว่าแพง 2.60 บาท วิ่งเฉพาะช่วงแรก หลังจากนั้นร่วงเร็ว รายได้ก็การันตี แต่ไม่รู้ทำไม เสี่ยยักษ์ หมอวิน เจ๊สีฟ้า ไม่ช่วยเวลาหิวเลยรึงัยเจ้าค่ะ...
 

     *** เจ๊มีของดีมาฝากค๊าา บริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทลูกที่ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ถือหุ้นอยู่ 75% เตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 1,500 ล้านบาท จัดอันดับ “BBB-“ แนวโน้ม “STABLE” โดย ทริสเรทติ้ง อายุ 2 ปีครบกำหนดไถ่ถอนปี 2565 ให้ดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่ บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปชำระหนี้และจะนำเงินไปใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ หุ้นกู้อายุสั้น ...ดอกเบี้ยงามๆ แบบนี้มีไม่บ่อยนะคะ พลาดแล้วอาจจะเสียใจค่ะ

     *** ข่าวการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศทำให้หุ้นนายหน้าขายประกันอย่าง TQM ขยับราคารอบใหม่ หลังจากที่หลายเดือนก่อน TQM กวาดรายได้จากการขายประกันไป จนทำให้กำไรไตรมาส 2/63 กระโดดขึ้นไปอยู่ที่ 163 ล้านบาท คิดเป็น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ก็คงต้องตามดูกันไปนะคะ ถ้าหากว่าเกิดการแพร่กระจายของจำนวนผู้ติดเชื้อขึ้นมา งานนี้ TQM ก็จะรับไปเต็มๆ อีกรอบค่ะ
 

     *** หลังจากที่ AOT แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/63 ออกมาว่าขาดทุนเป็นเงิน 2,933 ล้านบาท ซึ่งก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการไล่ราคาหุ้นของ AOT ในรอบใหม่ แต่เจ๊เมาธ์อยากจะบอกว่าราคานี้อาจจะยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของ AOT ก็เป็นไปได้นะคะ เพราะผลการดำเนินงานในช่วงเดือน กรกฎาคม-กันยายน ยังไม่กลับคืนสู่สภาพปกติ...มีความเป็นไปได้สูงที่ AOT อาจจะยังขาดทุนต่อในช่วงเดือนที่ว่า ถ้าคิดว่าจะสะสมหุ้นก็เป็นไปได้ค่ะ ...แต่ถ้าหวังจะเก็งกำไรเจ๊เมาธ์ว่าคิดดูดีๆ ก่อนก็ได้ ไม่รีบก็ไม่เสียหายนะคะ
 

     *** RS ของเฮียฮ้อ “สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” กลายเป็นหุ้นบันเทิงที่ปรับเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจของตัวเองจากธุรกิจจากสื่อและบันเทิงสู่ธุรกิจพาณิชย์ จนสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ...กำไรไตรมาสที่ 2/63 ขยับขึ้นมาเป็น 108 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรครึ่งปีแรกของ RS สูงถึง 295 ล้านบาท การปรับเปลี่ยนธุรกิจเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก ...และไม่ใช้ใครก็ทำได้ แต่เฮียฮ้อทำได้ เจ๊เมาธ์ยอมรับเลยว่า “เฮียฮ้อ” แน่จริงๆ