ดาวโจนส์ ปิดลบ 66.84 จุด Nasdaq ทำนิวไฮ รับผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีพุ่ง

18 ส.ค. 2563 | 23:57 น.

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,778.07 จุด ลดลง 66.84 จุด หรือ -0.24% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,389.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.79 จุด หรือ +0.23% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,210.84 จุด เพิ่มขึ้น 81.11 จุด หรือ +0.73%

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ และแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,778.07 จุด ลดลง 66.84 จุด หรือ -0.24% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,389.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.79 จุด หรือ +0.23% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,210.84 จุด เพิ่มขึ้น 81.11 จุด หรือ +0.73%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากสหรัฐยกระดับมาตรการกีดกันบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน โดยพุ่งเป้าไปที่การปิดช่องทางไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงชิปและเทคโนโลยีต่างๆ          

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยหนึ่งในประเด็นที่สร้างความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสในขณะนี้คือการที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องการให้เงินทุนสนับสนุนการส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ปธน.ทรัมป์ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเขามองว่าการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จะนำไปสู่การฉ้อโกงในการเลือกตั้ง
          หุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวลง 1.02% หลังจากโบอิ้งประกาศนโยบายให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจเป็นรอบที่สอง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบิน
          อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยเฉพาะดัชนี S&P500 ที่สามารถดีดตัวขึ้นมาปิดที่เหนือระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ โดยวอลมาร์ทเปิดเผยยอดขายออนไลน์ในสหรัฐ พุ่งขึ้น 97% ในไตรมาส 2 ขณะที่โฮม ดีโปท์ เปิดเผยยอดขายในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นกว่า 23%

ทั้งนี้ ราคาหุ้นวอลมาร์ท และโฮม ดีโปท์ ทะยานขึ้นทำนิวไฮในระหว่างวัน ก่อนที่จะอ่อนแรงลงในช่วงปิดตลาด โดยหุ้นวอลมาร์ท ปิดขยับลง 0.69% และหุ้นโฮม ดีโปท์ ปิดลดลง 1.17%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 4.09% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.61% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.58% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.45% หุ้นแอปเปิล บวก 0.83%

หุ้นออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.22% หลังสื่อรายงานว่า ออราเคิลกำลังเจรจากับไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อก (TikTok) เพื่อซื้อกิจการของติ๊กต็อกในสหรัฐ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

 หุ้น PG&E ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.07% หลังมีรายงานว่าคลื่นความร้อนสูงในรัฐแคลิฟอร์เนียทำให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก ขณะที่นักอุตุนิยมวิทยาของ AccuWeather คาดว่า อุณหภูมิอาจสูงแตะ 90 องศาฟาเรนไฮต์ในเมืองใหญ่ที่สุดบางแห่งในรัฐแคลิฟอร์เนียจนถึงกลางสัปดาห์นี้
          

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 28-29 ก.ค.ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย การเริ่มสร้างบ้าน เพิ่มขึ้น 22.6% สู่ระดับ 1.496 ล้านหลังในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.22 ล้านหลังในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.24 ล้านหลัง ขณะที่การอนุญาตก่อสร้างบ้านในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 18.8% แตะ 1.495 ล้านหลัง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.