“พรรคก้าวไกล”ชงแก้รธน.หมวดสถาบันฯ

18 ส.ค. 2563 | 09:32 น.

“พรรคก้าวไกล”ชงแก้รธน. หมวด 1-2 ว่าด้วยสถาบันฯ อ้างยังมี ม.255 กำกับไว้ไม่กระทบสถาบัน-รูปแบบการปกครอง

วันนี้(18 สิงหาคม 2563) ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พรรคก้าวไกลไม่ได้ร่วมลงชื่อเสนอญัตติด่วนขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการแยกเรื่องการยื่นญัตติกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในประเด็นหลักที่พรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณา คือ การปลดล็อก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) ขึ้นมาพิจารณา โดยเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256

 

พรรคก้าวไกล ในฐานะหนึ่งในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมพิจารณาตรงนี้มาโดยตลอดและสนับสนุนร่างของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านที่ได้ยื่นญัตติไปเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ในร่างฉบับดังกล่าวมีรายละเอียดบางประการที่พรรคก้าวไกลต้องขอสงวนไว้ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามจะผลักดันต่อไป

 

นายนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในการแก้รัฐธรรมนูญจะต้องมีส.ส.ร่วมลงชื่อทั้งสิ้น 100 คน หรือ 1 ใน 5 ของจำนวนส.ส.ทั้งหมดในสภา ซึ่งสิ่งที้ไม่ได้มีความแตกต่างกัน และพรรคก้าวไกลกำลังดำเนินการอยู่ คือการปิดสวิทซ์ส.ว.ที่จะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกมาตราหนึ่ง คือ มาตรา 269-272 พรรคก้าวไกลจัดทำร่างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการส่งให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ พิจารณา

 

คาดว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถยื่นญัตติด่วนดังกล่าวขึ้นไปอีกฉบับหนึ่งได้ ถ้าดำเนินการเสร็จพรรคก้าวไกล จะยื่นเพิ่มเติมเข้าไปอีกฉบับหนึ่งต่างหาก รัฐธรรมนูญ2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่ปิดล็อกและเป็นวิกฤติในตัวมันเอง สถานการณ์ทางการเมืองที่ดำเนินมาถึงทุกวันนี้ ไม่มีเหตุผลอื่นแล้วที่จะไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการตั้ง ส.ส.ร. บังเอิญว่าในร่างแก้ไขของพรรคเพื่อไทยมีการระบุไว้ว่าจะไม่มีการแก้ไขในหมวดที่ 1-2

 

“ด้วยเหตุจำเป็นและในสภาพปัจจุบันรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 ซึ่งเป็นหมวดทั่วไป ไม่ใช่ไม่เคยมีการแก้ไขเลย แต่มีการแก้ไขหลายครั้งทั้งปี 2540 และปี 2550 ข้อถกเถียงหนึ่งที่เคยพูดคุยกันคือ เช่น อำนาจอธิปไตยเป็นของหรือมาจากประชาชนชาวไทย เราไม่อยากให้มีการปิดล็อกในหมวดดังกล่าวไว้

ส่วนหมวดที่ 2 เป็นหมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ มีการตั้งคำถามว่า ถ้าหากมีการแก้ไข เกรงว่าส.ส.ร.จะนำข้อความแก้ไขเลยเถิดออกไป ตามกรอบที่เราไม่อาจกำหนดได้ ขอเรียนว่าในหมวดพระมหากษัตริย์ ยังมีมาตรา 255 ที่ระบุไว้อยู่แล้วว่า รูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ ขณะเดียวกันจะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐได้ จริงๆ สิ่งเหล่านี้ถูกล็อกไว้แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเขียนเพิ่มเติม จะยกเว้นการแก้ไขเพิ่มเติมในหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2” นายณัฐวุฒิ กล่าว

 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้พูดในสภาฯถึงความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนในสังคมไทย เราควรจะเปิดกว้างให้มีการพูดคุยเรื่องเหล่านี้อย่างมีวุฒิภาวะ ดังนั้น เมื่อมีส.ส.ร.ขึ้นแล้ว ทุกๆ ความเห็นจะถูกนำเสนอเป็นระบบ เพื่อให้ส.ส.ร.พิจารณา

 

เมื่อถามว่าในการแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 จะมีนิยามข้อไหนที่พอจะจำกัดความได้ว่าจะไม่กระทบต่อระบบการปกครองฯ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อย่างที่ได้ระบุไว้ว่า ข้อความรายละเอียดในมาตรา 255 มันไม่มีเรื่องของการให้นิยามเป็นอื่นไปได้ มันคือคำที่มีความหมายชัดเจนในตัว ส่วนแรกเรื่องรูปแบบของรัฐว่ารัฐไทยเป็นรัฐเดี่ยว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงรูปแบบดังกล่าวได้และไม่อาจตีความเป็นอื่นไปได้

ส่วนที่สอง ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่สามารถเปลี่ยนแก้ไขคำสำคัญนี้ไปได้ อย่างไรก็ตามทั้งหมวด 1 และ 2 ยังมีรายละเอียดอื่นๆ

 

นอกจากนั้น คิดว่าสังคมไทยต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัยให้มีการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะและรับฟังกันอย่างเปิดกว้าง โดยเมื่อมีส.ส.ร.ก็ให้ส.ส.ร. รับข้อเสนอของทุกฝ่ายซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีการแตะในส่วนของมาตรา 255 แต่แตะในส่วนที่สังคมไทยเรียกร้องและถกเถียงอย่างมีวุฒิภาวะ

 

เมื่อถามว่าการที่ให้แก้ไขในหมวดที่ 1 และ 2 ได้ เป็นจุดที่ทำให้ไม่สามารถร่วมลงชื่อกับพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นเหล่านี้ ยังคงถกเถียงกันในกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรค ท้ายที่สุดมีความเห็นร่วมกันว่า การคงข้อความดังกล่าวไว้ไม่เป็นประโยชน์ในแง่การผลักดันร่าง การไม่มีข้อความดังกล่าวก็ไม่ส่งผลต่อการผลักดันให้มีส.ส.ร. นาทีนี้คิดว่าประเด็นหลักคือการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปิดพื้นที่ได้จริงและมีส.ส.รขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญได้จริง ถ้ายืดเวลาไปอีกก็ไม่เป็นผลดีต่อวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น

 

“ขณะนี้ญัตติที่จะร่วมเสนอในนามพรรคก้าวไกลนั้น ได้เสียงสนับสนุนเกินกว่าจำนวนส.ส.ของพรรคก้าวไกลไปแล้ว แต่ยังไม่ถึง 1 ใน 5 ของจำนวนส.ส.ในสภาหรือ 98 คน และอยู่ในระหว่างประสานงาน หลังจากนี้เชื่อว่าจะได้เสียงครบตามจำนวน”