เมียนมาทะลักขายทอง“ระนอง” ร้านค้าตรวจเข้ม“ตัดเนื้อ”พิสูจน์

เมียนมาทะลัก แห่ขายทอง ระนอง จากพิษโควิด-19 ทำเศรษฐกิจซบเซาทั้งฝั่งไทยและเมียนมา ยิ่งล่าสุดทองคำผันผวนหนักทำราคาสวิงขึ้นจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30,900 บาทต่อบาททองคำ (รูปพรรณ) ทำให้ชาวเมียนมาพากันข้ามฝั่งระนองนำทองมาขายกันคึกคัก

นายสมชาย   จงนิตยกาล   เจ้าของร้านเพชรทองก้งกาฮิน จ.ระนอง เปิดเผยว่า ช่วงนี้มีลูกค้าชาวเมียนมาทยอยนำทองคำที่เก็บสะสมออกจำหน่ายอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำเงินไปซื้อสินค้าจำเป็นประเภทอื่น  ซึ่งพบว่าทองที่ประชาชนชาวเมียนมานำข้ามฟากเข้ามาขายฝั่งไทย มีทั้งทองคุณภาพปกติและทองคุณภาพต่ำปะปนกัน  ทำให้ร้านทองในจ.ระนองได้วางมาตรการเข้มในการตรวจสอบ โดยเริ่มจากการสังเกตพฤติกรรมบุคคลที่นำทองคำเข้ามาจำหน่าย หากมีข้อพิรุธก็อาจจะปฏิเสธการรับซื้อหรือรับจำนำ แต่หากยังไม่ชัดเจนอาจจะขอตรวจสอบทองคำที่บุคคลเหล่านั้นนำมาจำหน่ายหรือจำนำ  
    

โดยขณะนี้ร้านทองได้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบคุณภาพทอง จากเดิมที่จะตรวจสอบใน 3 ลักษณะ เริ่มจากการพิจารณาด้วยตา การนำไปฝนกับหินเพื่อดูเนื้อทอง หรือการนำเข้าไฟ เพื่อทำการทดสอบ เวลานี้หลายร้านใช้อีกวิธีการเป็นขั้นสุดท้าย คือการตัดดูเนื้อทองคำ ซึ่งจะสามารถตรวจสอบคุณภาพของเนื้อทองได้เกือบ 100% จากวิธีการเดิมที่จะพิสูจน์เพียงถึงเพียงขั้นตอนนำเข้าไฟ แต่พบว่ามีการแพร่ระบาดของทองคำปลอมและทองคุณภาพต่ำจนบางร้านได้รับความเสียหาย ทำให้ร้านทองจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบทอง และหากไม่แน่ใจก็จะปฏิเสธการรับซื้อหรือจำนำทันที 
    

นายสมชายกล่าวต่อว่าพบว่าทองคำของแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาที่ซื้อมาจากร้านทองในฝั่งประเทศเมียนมา จะเป็นทองที่มีเปอร์เซ็นต์ทองที่แตกต่างจากฝั่งไทย โดยในส่วนของฝั่งไทยจะมีทองอยู่ 2 ลักษณะคือทอง 100 % กับทองคำ 96.5 % แต่ทองที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าเป็นทองคำที่มีเปอร์เซ็นต์เนื้อทองต่ำกว่า 90 % ซึ่งร้านทองจะต้องระวังและทดสอบให้ชัดเจน เนื่องจากราคาซื้อขายจะลดลงตามสัดส่วนของเปอร์เซ็นต์ของเนื้อทอง 

ด้านนายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง รองประธานคณะกรรมการหอการค้า จ.ระนอง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในเมียนมาก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดและเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับหลายประเทศ ทำให้เศรษฐกิจซบเซา ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นมาก สินค้าราคาแพงขึ้น ทำให้ชาวเมียนมาเริ่มที่จะนำทองคำที่เก็บไว้ทยอยออกขายอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากในขณะนี้

โดยส่วนใหญ่จะนิยมข้ามฟากเข้ามาขายในฝั่ง จ.ระนอง เนื่องจากได้ราคาดีกว่าในฝั่งเมียนมา รวมทั้งเมื่อขายได้จะถือโอกาสซื้อสินค้าจำเป็นจากฝั่งไทยกลับไปยังเมียนมาด้วย เนื่องจากราคาสินค้าฝั่งไทยจะมีราคาที่ถูกกว่ามาก ทั้งนี้ หากมีการเปิดด่านชายแดนปกติ เชื่อว่าการซื้อขายทองคำจะคึกคักมากยิ่งกว่านี้ เนื่องจากขณะนี้ยังมีข้อกำหนดเงื่อนไขที่ยังเป็นอุปสรรคในการข้ามแดนอยู่ 

หน้า 17 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,601 วันที่ 16 - 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563