ทริสหั่นเรตติ้ง “ไทยแอร์เอเชีย" ลงเหลือ "BB" จาก "BBB-

13 ส.ค. 2563 | 07:28 น.

 ทริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กร "บ.ไทยแอร์เอเชีย" เป็น "BB" จาก "BBB-" และคง "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม "Negative"

ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เป็นระดับ “BB” จากระดับ “BBB-” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคง “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” สำหรับอันดับเครดิตของบริษัทด้วย

 

โดยการลดอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนแอลงเป็นอย่างมากเนื่องจากผลกระทบที่ยาวนานจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) และความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากกำหนดเวลาการกลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศตามปกติต้องเลื่อนออกไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกที่ยังคงดำรงอยู่

 

อุตสาหกรรมการบินของไทยได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เป็นอย่างมาก โดยสายการบินที่จดทะเบียนในประเทศไทยทั้งหมดได้ประกาศหยุดให้บริการทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศในเดือนเมษายน 2563 ต่อมาเมื่อรัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศได้แล้วจึงได้ยกเลิกมาตรการปิดพื้นที่และอนุญาตให้สายการบินเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศได้ในเดือนพฤษภาคม 2563


อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการกลับสู่ภาวะปกติของเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เข้าและออกประเทศไทยยังคงมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างมากเนื่องจากการแพร่ระบาดยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าจะมีการใช้วัคซีนป้องกันได้อย่างกว้างขวาง  

บริษัทได้กลับมาเริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศได้บางส่วนในเดือนพฤษภาคม 2563 โดยบริษัทมีแผนจะค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศให้ใกล้เคียงกับระดับในปี 2562 ได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการเดินทางทางอากาศภายในประเทศจะฟื้นตัวกลับมาจากการที่ภาครัฐได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด 19 ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งกระทบต่อความหวังที่จะยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศให้ได้โดยเร็ว ในการนี้ การที่การเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศจะกลับคืนสู่ภาวะปกตินั้นจะยังคงไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ได้อย่างทั่วถึง

 

นอกจากนี้ ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกและความเชื่อมั่นของผู้โดยสารต่อความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศยังจะเป็นปัจจัยขัดขวางความต้องการในการเดินทางท่องเที่ยวอีกด้วยแม้ว่าจะมีการยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศแล้วก็ตาม ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารายได้จากเที่ยวบินระหว่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดของบริษัท


ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะถดถอยลงอย่างมากในปี 2563 แต่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวในปี 2564-2565 ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทในปี 2563 จะลดลงประมาณ 60% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 โดยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 35% ซึ่งต่ำกว่าปี 2562 และหลังจากนั้นในปี 2565 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 20% ซึ่งต่ำกว่าปี 2562 เช่นกัน

 

ทั้งนี้ อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะลดต่ำลงสู่ระดับ 5% ในปี 2563 ก่อนที่จะฟื้นตัวเป็นประมาณ 20% ในปี 2564-2565 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 บริษัทได้ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่จำเป็น รวมทั้งเจรจากับผู้จัดหาด้านต่าง ๆ ในการขอเลื่อนการจ่ายค่าใช้จ่ายคงที่บางรายการออกไป และเลื่อนการจัดหาเครื่องบินใหม่

ทริสเรทติ้งมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องที่ตึงตัวของบริษัทในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยแหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดและสินทรัพย์สภาพคล่องจำนวน 3 พันล้านบาท ในขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินสดจำนวน 1.5 พันล้านบาทจากธุรกรรมการขายและเช่ากลับเครื่องบิน ซึ่งแหล่งเงินทุนดังกล่าวคาดว่าน่าจะเพียงพอต่อแผนการใช้เงินทุนในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่บริษัทยังไม่ได้ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีเงินสดส่วนที่ขาดประมาณเดือนละ 400 ล้านบาทในช่วงที่บริษัทค่อย ๆ กลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ ทั้งนี้ บริษัทมีภาระที่จะต้องชำระคืนเงินกู้ที่จะครบกำหนดภายใน 12 เดือนข้างหน้าซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ระยะยาวจำนวน 2.5 พันล้านบาทและหนี้ระยะสั้นอีกจำนวน 1.3 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถต่ออายุหนี้ระยะสั้นทั้งหมดได้ ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าบริษัทจะต้องจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจำนวนมากเพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้จนกว่าการเดินทางทางอากาศจะคืนสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ บริษัทและสายการบินอื่น ๆ ได้ยื่นขอสินเชื่อจากภาครัฐเอาไว้ อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนที่ภาครัฐจะให้การสนับสนุนสินเชื่อดังกล่าวหรือไม่

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทอาจจะไม่สามารถดำรงอัตราส่วนทางการเงินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของวงเงินกู้ยืมบางแห่งในช่วงปี 2563 นี้ได้

แนวโน้มเครดิตพินิจ

 

“เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับสภาพคล่องที่ตึงตัวของบริษัทในระยะสั้นและความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
 

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป,  26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA)
อันดับเครดิตองค์กร:          BB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TAA216A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564          BB
TAA225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565          BB
TAA236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566          BB
แนวโน้มเครดิตพินิจ:          Negative