ขีดวงจำกัดว่า ต้องขอข้อสรุปปัญหาการจัดเรียงช่องทีวีภายใน 1 สัปดาห์หลังการประชุมรับฟังความเห็น (Focus Group) จากผู้เกี่ยวข้องในปัญหาการจัดเรียงช่องทีวี ไม่ว่าจะเป็นกสทช. ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และโครงข่ายเคเบิล/ทีวีดาวเทียม ที่มีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ล่าสุดก็ยังไม่มีความคืบหน้า
พลโท ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาการเรียงช่องทีวีระหว่าง ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมกับกสทช. ที่กำลังอุทธรณ์อยู่ในขณะนี้ มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรรีบร้อนในการตัดสินใจ ควรรอผลการตัดสินจากศาลในวันที่ 25 สิงหาคมนี้เสียก่อน เพื่อให้มีกรอบในการกำหนดการดำเนินงาน และวาระดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่จะคิดเร็วได้ ต้องรอบคอบเป็นอย่างมาก ซึ่งหากจะมีการร่างประกาศใหม่ก็ไม่ทราบว่าจะตรงกันหรือไม่ มีแนวคิดอะไรขัดแย้งกันทั้งในส่วนของศาลหรือผู้ประกอบการที่จะตกลงกันอีกหรือไม่
“มองว่าเรื่องนี้ไม่ควรรีบในการหาข้อเสนอเพื่อยุติ เนื่องจากยังไม่ทราบผลการตัดสินของศาลว่าจะออกมาอย่างไร เพราะมองว่าหากศาลยังไม่มีการตัดสินหรือคำสั่งออกมาแล้วไปยื่นข้อเสนอหรือกำหนดอะไรออกมา ที่ไม่ตรงกับการตัดสินของศาล เกรงว่าอาจจะมีปัญหาฟ้องร้องกันตามมาอีกรอบก็เป็นได้ ซึ่งตรงนี้จะส่งผลเสียหายมากกว่า จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหารือยื่นข้อเสนอหรือออกประกาศใหม่ก่อนที่ผลการตัดสินของศาลจะตามมา”
โดยความคืบหน้าจะมีการประชุมบอร์ดของคณะอนุกรรมการฯ ในวันอังคารที่ 18 สิงหาคมนี้อีกรอบ แต่อย่างไรก็ตามหากมีการประชุมเพื่อหารือในสัปดาห์หน้า โดยส่วนตัวก็ยังยืนยันแนวคิดเดิมคือรอให้ผลการตัดสินของศาลออกมาก่อน จึงจะมีการพิจารณาหาข้อสรุปอีกรอบ โดยใช้ผลการตัดสินของศาลเป็นกรอบในการดำเนินงาน
ด้านนายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิทัล(ประเทศไทย) กล่าวว่า ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลมีนัดหมายประชุมร่วมกันเพื่อหารือถึงความคืบหน้า และแนวทางการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการจัดเรียงหมายเลขช่องทีวี ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ณ อสมท พร้อมติดตามสอบถาม รายละเอียดจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อีกครั้งว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร
ทั้งนี้เบื้องต้นมองว่ามี 2 ทางออกได้แก่ 1. หากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงาน ของ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งประกอบไปด้วย พันเอก ดร. นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. และประธานคณะอนุกรรมการฯ , พลโท ดร. พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. และผศ.ดร. ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกสทช. มีมติ 2 ใน 3 เห็นชอบให้โครงข่าวเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมใช้ช่องหมายเลข 1-10 ส่วนทีวีดิจิทัลช่องสาธารณะและภาคธุรกิจก็เรียงลำดับถัดไปตามหมายเลขช่องเดิม ก็จะนำเสนอต่อคณะกรรมการกสทช. ชุดใหญ่ เพื่อจัดทำเป็นประกาศออกมา ก่อนที่จะนำไปสู่การทำประชาพิจารณ์อีกรอบ ซึ่งขั้นตอนต่างๆ อาจจะใช้เวลานานพอสมควร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทรู ร่อนแถลงการณ์ “เรียงช่อง” โต้ทีวีดิจิทัล
สมาคมทีวีดิจิทัล จ่อร้องนายกฯ ปม‘เรียงช่อง’
เปิดจุดยืน 4 ข้อกลุ่มทีวีดิจิทัล
ทางออกที่ 2 คือ รอคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ซึ่งจะมีการพิจารณาคดีในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ว่าจะตัดสินเป็นแนวเดียวกับศาลปกครองกลางหรือไม่ ถ้าเป็นแนวเดียวกัน ก็จะต้องว่ากันอีกทีว่าจะสู้กันอย่างไร ซึ่งผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล อาจต้องฟ้อง กสทช. เพื่อเอาเหตุผลไปอธิบายให้ศาลปกครองฟังว่า ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้รับความเดือดร้อนอย่างไร
“เบื้องต้นจากการพูดคุยกับ ดร.นที ศุกลรัตน์ ประกาศของกสทช. จะมีผลให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตาม ส่วนผู้ประกอบการเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียม จะไปฟ้องร้องอย่างไร ก็ว่ากันไปตามกฏหมาย”
อย่างไรก็ดี การประกาศเรียงช่องฉบับใหม่ เป็นแนวทางสำคัญที่กสทช. จัดทำขึ้นโดยนำเสนอให้โครงข่ายทั้งทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี สามารถจัดเรียงช่อง 1-10 ได้เอง แทนที่ทีวีดิจิทัลช่องสาธารณะที่ขยับไปอยู่ช่อง 11-15 ส่วนช่องทีวีดิจิทัลภาคธุรกิจตั้งแต่หมายเลข 16-36 ยังอยู่ในหมายเลขเดิม
ขณะที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเห็นชอบตามประกาศนี้ แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น ห้ามนำช่องทีวีดิจิทัลที่ยกเลิกไปแล้วมาอยู่ในช่อง 1-10 เพราะจะมาตัดหน้าช่องทีวีดิจิทัลที่เสียเงินประมูลและยังดำเนินการอยู่ หรือห้ามนำช่องทางการเมือง มาอยู่ในช่อง 1-10 ในหมวดหมู่เดียวกับทีวีดิจิทัลเช่นกัน
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,600 วันที่ 13 - 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563