นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทาสตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณการขายเหล็กในงวดปี 2564 (เม.ย. 63-มี.ค. 64) ใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 1.2 ล้านตันต่อปี โดยการส่งออกในปีนี้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้บริษัทลดการส่งออกเหลือเพียง 5% ของกำลังผลิตจากปีก่อนส่งออก 10% และหันมาทำตลาดภายในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการภาครัฐ
อย่างไรก็ดี บริษัทมั่นใจว่าครึ่งหลังของปีนี้หากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย จะทำให้การส่งออกเหล็กของบริษัทดีขึ้น โดยน่าจะส่งออกได้มากกว่า 5% ส่วนเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศทั้งจีนและเวียดนามพบว่าลดลงในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดภายในประเทศจีนและเวียดนามยังมีความต้องการใช้สูงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าความต้องการใช้เหล็กในไทยปี 2563 น่าจะลดลง 7% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 18,592,000 ตัน มาอยู่ที่ 17,892,000 ตัน เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 โดยมองว่าปริมาณความต้องการใช้เหล็กในไทยจะลดลงกว่านี้หากมีการระบาดระลอกสอง และหากบริษัทสามารถรักษาปริมาณการขายได้ตามแผนฯ จะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเหล็กเส้นเพิ่มขึ้นเป็น 22% และรักษากระแสเงินสด
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะรวมบริษัทลูกจากเดิมมี 3 บริษัทเหลือเพียงบริษัทเดียว ทำให้โครงสร้างบริษัทง่ายขึ้น และลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน และมีส่วนลดค่าใช้จ่ายลงบ้างแต่ไม่มาก แต่เป็นการบูรณาการร่วมกัน (Synergy) เพราะที่ผ่านมามีการบริหารการจัดซื้อ จัดหาวัตถุดิบและทรัพยากรบุคคลแบบรวมศูนย์อยู่แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในงวดปีดำเนินการ 2564
“บริษัทแม่ไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปซื้อหุ้น TSTH คืน หลังจากราคาหุ้น TSTH ลดลงมาอยู่ที่ 0.39 บาท/หุ้น เพราะไม่ต้องการแทรกแซงราคาหุ้นแต่ให้เป็นไปตามภาวะตลาดฯ”