ปรับแผนส่งออกครึ่งปีหลัง เน้นรุกตลาดศักยภาพ

30 ก.ค. 2563 | 09:06 น.

ส่งออกไทยทรุด พาณิชย์ปรับแผนเน้นตลาดที่มีศักยภาพ หวังดันส่งออกครึ่งปีหลัง ผ่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกยังซบเซา

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยกดดันการค้าโลก ซึ่งองค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ว่าในปี 2563 การค้าสินค้าของโลกจะหดตัวในช่วง 13 - 32 % ปัจจุบันสถานการณ์การค้าโลกมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้ การฟื้นตัวในปีหน้าก็ยังยากที่จะคาดเดา  ซึ่งสนค. เห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบและต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ดังนั้น กลยุทธ์การส่งออกควรให้ความสำคัญกับตลาดศักยภาพที่มีแนวโน้มฟื้นตัวก่อน โดยการพิจารณาตลาดศักยภาพสามารถพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ เป็นประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี มีผู้ติดเชื้อในอัตราที่ต่ำลง จนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับดำเนินการได้อีกครั้ง เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้

ปรับแผนส่งออกครึ่งปีหลัง  เน้นรุกตลาดศักยภาพ

ตลาดศักยภาพยังสามารถสะท้อนจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่ส่งสัญญาณแนวโน้มฟื้นตัวของประเทศนั้นๆ เช่น อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers’ Index หรือ PMI) ซึ่ง PMI เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่บ่งบอกถึงภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และยังเป็นตัวชี้วัดที่ถูกนำไปใช้เพื่อประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ด้วย จัดทำโดยสถาบันมาร์กิต (Markit) จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารในธุรกิจเอกชนกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งค่า PMI ที่เกินกว่า 50 แสดงถึงภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ขยายตัว อีกทั้งยังสะท้อนมุมมองเชิงบวกของภาคเอกชนที่มีต่อภาคเศรษฐกิจ โดยในเดือนมิถุนายน 2563 พบว่าประเทศที่มีค่า PMI เกินกว่า 50 ได้แก่ จีน เวียดนาม มาเลเซีย และออสเตรเลีย ในส่วนของธนาคารโลก ก็ได้ออกรายงานประมาณการภาวะเศรษฐกิจล่าสุด ในปี 2563 โดยระบุว่าประเทศที่ยังคงสามารถรักษาระดับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับบวกได้ และคาดการณ์ว่าจะเป็นประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็ว ได้แก่ จีน เวียดนาม เมียนมา ลาว และบางประเทศในแอฟริกา

 

ทั้งนี้กลยุทธ์การส่งออกของไทยต้องให้ความสำคัญกับตลาดที่มีศักยภาพในการฟื้นตัวก่อน ซึ่งมีเกณฑ์สำคัญในการพิจารณา ได้แก่ การควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี   การคาดการณ์เศรษฐกิจที่อยู่ในระดับบวก และ มุมมองที่เป็นบวกของภาคเอกชนในประเทศนั้นๆ

“ สนค. เห็นว่าเป็นตลาดศักยภาพในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ เอเชียตะวันออก  ไม่ว่าจะเป็นจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้)และอาเซียน  เช่น มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา และลาว ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 การส่งออกไปจีนขยายตัวเป็นบวก5.8%  และฮ่องกง ขยายตัวเป็นบวกที่ 1.4 %”   

 

สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ เช่น สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น แม้การส่งออกในภาพรวมจะหดตัวแต่หดตัวในอัตราที่ลดลง และสินค้าบางรายการยังสามารถรักษาระดับการเติบโต โดยเฉพาะสินค้าอาหาร และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป ทั้งนี้ การสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและสุขอนามัยของสินค้ายังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการค้าในปัจจุบันและช่วงหลังโควิด ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ส่งออกยังต้องปรับรูปแบบการทำธุรกิจและการค้าให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค New Normal เพื่อหาจุดขายใหม่ๆ ให้แก่สินค้าและบริการ จะทาให้สามารถรักษาฐานตลาดเดิม และชิงส่วนแบ่งจากตลาดใหม่ได้ต่อไป