"กลุ่มนักเรียนเลว"เรียกร้องสิทธิเท่าเทียมกันทางเพศ

29 ก.ค. 2563 | 10:43 น.

"กลุ่มนักเรียนเลว" เดินขบวนยื่นหนังสือถึง รมว.ศึกษาธิการ เรียกร้องสิทธิเท่าเทียมกันทางเพศ

จากม็อบ "เยาวชนปลดแอก" ระดับนิสิตนักศึกษาที่ก่อนหน้านี้นัดรวมตัวกันแบบแฟลชม็อบ หรือชุมนุมแบบฉับพลัน ขยายวงเข้าสู่กลุ่มม็อบเยาวชนระดับมัธยมศึกษา จากก่อนหน้านี้ที่มีนักเรียนเตรียมอุดมทำแฟลชม็อบถึงรัฐบาลยื่นข้อเสนอถึงรัฐบาล อาทิ ให้ยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และหยุดคุกคามประชาชน เป็นต้น ล่าสุดเกิดม็อบเยาวชนกลุ่มใหม่ ที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มนักเรียนเลว" เดินเท้าระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร มายื่นหนังสือถึง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้ขจัดความไม่เท่าเทียมทางเพศโดยเรียกร้องข้อเสนอ 4 ข้อ ดังต่อไปนี้   

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

แฟลชม็อบ “เยาวชนปลดแอก” โคราช-ม.เกษตร-เตรียมอุดม ไล่รัฐบาล

ซูเปอร์โพลแนะ "ม็อบเยาวชน" อย่าก้าวล่วงสถาบันหลักชาติ

ชำแหละ ม็อบเยาวชนปลดแอก ข้องใจมีเบื้องหลัง

วิเคราะห์ “ม็อบเยาวชนปลดแอก” ฮ่องกงโมเดล-ต่างชาติหนุนหลัง

1.กระทรวงศึกษาธิการต้องปรับปรุงและแก้ไขระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 โดยต้องระบุให้นักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศได้มีสิทธิในการเลือกทรงผมตามเพศวิถีของตนเอง 

 

2.นักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศต้องมีสิทธิเลือกที่จะใส่ชุดนักเรียนตามเพศวิถีของตนเอง กระทรวงศึกษาธิการต้องออกแบบชุดนักเรียนเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนที่มีความลื่นไหลทางเพศ หรือยกเลิกการบังคับแต่งครื่องแบบนักเรียน เพื่อให้นักเรียนทุกคนมีสิทธิที่จะแต่งกายได้ตามเพศของตนเอง

3.ตรวจสอบ เรียกคืน และยุติการจัดจำหน่ายหนังสือเรียนที่พูดถึงความหลากหลายทางเพศในมุมมองที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งให้ยกเลิกแบบประเมินและกฎระเบียบของโรงเรียนต่าง ๆ ที่ยังมีการเหยียดเพศหรือลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ

4. ขอให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับครูและบุคลากรทางการคึกษาให้ปฏิบัติต่อนักเรียนทุกๆเพศอย่างเท่าเทียมกัน และห้ามดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือกลั่นแกล้งนักเรียนด้วยเรื่องเพศ

โดยเมื่อกลุ่มนักเรียนเลวเดินทางมาถึงบริเวณกระทรวงศึกษาธิการได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ พร้อมยื่นหนังสือถึงกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นตัวแทนรับหนังสือ ระหว่างกิจกรรมกลุ่มนักเรียนได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับกฏกระทรวงต่อปลัดกระทรวงศึกษาธิการว่า 

“กฎทรงผมนี้ คือ เรื่องที่บอกว่า พัฒนาแล้วจาก 20-30 ปีก่อน แต่ที่ท่านพูดกับบอกว่า มันไม่ได้ต่างจากเดิมและแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลง สื่อทุกคนเป็นพยาน นี่คือ ความย้อนแย้งของปลัดกระทรวง และอะไร คือ การพัฒนาที่ท่านพูดถึง”

อย่างไรก็ดี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการมิได้กล่าว หรือ พูดถึงเรื่องนี้แต่อย่างใดแต่ได้เดินหายเข้าไปในกระทรวง