“ธพว.” ฉีด 3 พันล.ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วย “SMEs” เข้าไม่ถึงแหล่งทุน

29 ก.ค. 2563 | 09:05 น.

“ธพว.” ฉีด 3 พันล้านออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วย “เอสเอ็มอี” เข้าไม่ถึงแหล่งทุน ขานรับนโยบายรัฐบาล

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ “ธพว.” (SME D Bank) เปิดเผยว่า ธพว. ได้ดำเนินการออกสินเชื่อ “SMEs มีโอกาส” ซึ่งเป็นโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับ “เอสเอ็มอี” (SMEs) ที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบ วงเงินรวม 3 พันล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ไม่เคยขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน หรือไม่มีสินเชื่อคงค้างกับสถาบันการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562

                ทั้งนี้  เป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือทางการเงินตาม “พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563” (พ.ร.ก. Soft loan)  ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เพื่อนำไปลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ สำรองเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน สร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                สำหรับสินเชื่อดังกล่าว  เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ประกอบการบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบัน มีเงื่อนไขสำคัญต้องเป็นผู้ประกอบการที่ไม่เคยขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน หรือไม่มีสินเชื่อคงค้างกับสถาบันการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562  โดยกำหนดวงเงินกู้ สำหรับบุคคลธรรมดา สูงสุด 2 ล้านบาท

“ธพว.” ฉีด 3 พันล.ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วย “SMEs” เข้าไม่ถึงแหล่งทุน

                ส่วนนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาจด (VAT) สูงสุด  15 ล้านบาท   คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ใน 2 ปีแรก ตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยตามหลักประกัน ได้แก่ บสย. = MLR+2.5% ต่อปี , บสย.ร่วมกับหลักประกันตามเกณฑ์ธนาคาร = MLR+1.5% ต่อปี และหลักประกันตามเกณฑ์ธนาคาร = MLR+0.5% ต่อปี ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระเงินต้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความเหมาะสมสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน
 

ด้านวงเงินอนุมัติสินเชื่อต่อรายจะพิจารณาตามความเหมาะสม ความจำเป็น และความสามารถในการชำระหนี้ โดยคุณสมบัติผู้กู้ ต้องเป็นผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลสัญชาติไทย หรือนิติบุคคล ที่มีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกินกว่า 50% ของทุนจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด, เป็นการขอสินเชื่อใหม่ ทั้งลูกค้าเดิม หรือลูกค้าใหม่ ซึ่งไม่ใช่ลูกหนี้ Refinance, มีการยื่นภาษีจากภาครัฐ และไม่เป็น NPL ณ วันยื่นขอกู้ โดยเปิดรับคำขอกู้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 หรือจนกว่าวงเงินที่กำหนดไว้ถูกจัดสรรหมด แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน

                “การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้าถึงแหล่งทุน”

                นางสาวนารถนารี กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพพอสมควร แต่ไม่มีวงเงินเดิมกับสถาบันการเงินในระบบ จึงไม่สามารถใช้บริการสินเชื่อ  Soft Loan ธปท. ตาม พ.ร.ก. Soft loan ได้ ซึ่งกำหนดเกณฑ์ปล่อยกู้ไม่เกิน 20% ของยอดสินเชื่อคงค้าง  ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ออกสินเชื่อนี้มาเพื่อปิดช่องว่างดังกล่าว    ช่วยสร้างโอกาสพาผู้ประกอบการกลุ่มที่ไม่เคยขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน หรือไม่มีสินเชื่อคงค้างกับสถาบันการเงิน  สามารถเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยถูกในระบบได้   เพื่อนำเงินไปเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ และสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน ประคองธุรกิจให้ก้าวผ่านทุกวิกฤตไปได้

                “ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ สามารถแจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อ “SMEs มีโอกาส” ได้ผ่านช่องทางต่างๆ   เช่น LINE Official Account : SME Development Bank  , เว็บไซต์ของ  ธพว. ([http://www.smebank.co.th) และผ่านแอปพลิเคชัน “SME D Bank” ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android  เป็นต้น หรือทุกสาขาของ ธพว. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357”