ค่ายบรรจุภัณฑ์เฮ อานิสงส์โควิด ‘เอกาโกลบอล’เล็งโต200%

31 ก.ค. 2563 | 09:00 น.

ค่ายบรรจุภัณฑ์เฮ รับอานิสงส์โควิด “เอกาโกลบอล” เล็งสิ้นปีนี้ยอดขายโต 200% โรงงานผลิตทั้งในไทย จีน อินเดียออร์เดอร์ทะลัก ด้าน “เคเอ็มพี” คาดสิ้นปีขยายตัวไม่ต่ำ 20%     

จากต้นปีถึงปัจจุบัน สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้คนไทยอยู่บ้าน หรือทำงานที่บ้าน (Work from Home) มากขึ้น การสั่งสินค้าและอาหารออนไลน์ขยายตัวเพิ่มขึ้น ผลต่อเนื่องถึงการใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อใส่อาหาร หรือบรรจุสินค้าขยายตัวมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำต่อโรงงานผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์

 

นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ  ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เอกาโกลบอล จำกัด (Eka Global) หนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิด Longevity Packaging และบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปรายใหญ่ที่สุดของโลก เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ส่งผลให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ หรือแพ็กเกจจิ้งของบริษัทเติบโตมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งแพ็กเกจจิ้งสำหรับบรรจุอาหาร  ซึ่งยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันขยายตัว 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญมาจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเป็นหลัก และจะมีการสั่งซื้ออาหารดีลิเวอรีมารับประทานเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ หรือหากจะต้องออกไปซื้อหาอาหารก็จะซื้อในปริมาณที่มากกว่าปกติ เพื่อนำมาตุนไว้ที่บ้าน ทั้งอาหารเพื่อรับประทานเอง และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง

 

“เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบดังกล่าว  ผลิตภัณฑ์แพ็กเกจจิ้งสำหรับบรรจุอาหารก็ยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค”

 

อย่างไรก็ดี พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแค่ในไทย เห็นได้จากยอดขายของ 3 บริษัทในเครือ รวมที่ซื้อกิจการมาด้วยจากอินเดีย และจีนเติบโตขึ้นทั้งหมด คาดในปีนี้บริษัทจะมีรายได้จากยอดขายประมาณ 950 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมียอดขาย 300 กว่าล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวหรือ 200%)

 

“ที่เราไปเทกโอเวอร์พริ้นท์แพค เอเชีย ในจีนมา ตอนนี้กำลังผลิตเยอะมาก เดินเครื่องอยู่ 30-40% ผลิตจำนวน 800-900 ล้านใบ นี่แค่ 40% ของกำลังผลิตรวมซึ่งสามารถทำได้ 2,500 ล้านใบต่อปี โดยโรงงานที่จีนแตกต่างจากที่ไทย ซึ่งเอกาฯโตมาจากอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก จะเป็นไลน์ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง 70% ที่เหลือ 30% เป็นอาหารคน แต่โรงงานที่จีน 80-90% ทำอาหารคนเป็นหลัก ตลาดไม่เหมือนกัน แต่ก็เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง”

 

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า กลยุทธ์การต่อยอดธุรกิจของบริษัทในระยะต่อไปมีแผนจะเจาะตลาดผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี (SMEs) ในประเทศให้มากขึ้น เพื่อช่วยผลักดันและส่งเสริมศักยภาพของเอสเอ็มอีให้ก้าวสู่การทำธุรกิจที่สามารถแข่งขันได้บนเวทีระดับโลก โดยเป็นการเพิ่มโอกาสให้เอสเอ็มอีได้ขยายตลาดต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์จะมีอายุสินค้าที่ยาวนานขึ้น และช่วยลดต้นทุนการผลิตอีกด้วย

ค่ายบรรจุภัณฑ์เฮ  อานิสงส์โควิด  ‘เอกาโกลบอล’เล็งโต200%

 

“ตามปกติบริษัทจะทำตลาดแบบธุรกิจกับธุรกิจด้วย (B2B) แต่ในระยะต่อไปต้องการทำตลาดในลักษณะของบริษัทกับผู้บริโภค (B2C) โดยที่บริษัทจะนำบรรจุภัณฑ์ไปขายให้ผู้เอสเอ็มอีที่เป็นผู้ผลิต หรือเป็นเจ้าของแบรนด์โดยตรง แม้สัดส่วนรายได้จากการเพิ่มฐานลูกค้าเอสเอ็มอีจะไม่มาก แต่การได้ช่วยผู้ประกอบการอาหารได้มีโอกาสทางธุรกิจ สร้างโซลูชั่น และเพิ่มมูลค่าสินค้าที่สูงขึ้น ถือเป็นภารกิจที่เอกา โกลบอล ให้ความสำคัญ” 

 

สอดคล้องนางสาวจิตธิดา  กมลสุวรรณ  ผู้อำนวยการตลาดและขาย บริษัท เค.เอ็ม.แพ็กเกจจิ้ง จำกัด (เคเอ็มพี) ที่กล่าวว่า แพ็กเกจจิ้งสำหรับบรรจุอาหารแบบดีลิเวอรีมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา  หลังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถี New Normal

 

อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดแพ็กเกจจิ้งสำหรับบรรจุอาหารยังสามารถเติบโตได้อีกในระยะยาว เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ยังไม่กล้าเสี่ยงออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน แต่จะสะดวกในการสั่งซื้อมาทานมากกว่า  เพื่อความมั่นใจในเรื่องของความสะอาด  และความสะดวกสบาย  ปัจจุบันบริษัทได้หันมามุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์บรรจุอาหารในรูปแบบดีลิเวอรี่มากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือก  และตอบสนองความต้องการของตลาด คาดหวังสิ้นปีนี้ยอดขายของบริษัทจะเติบโตได้ 20%

หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,596 วันที่ 30 กรกฎาคม-1 สิงหาคม พ.ศ. 2563