ไฮ-คูล รุกช่องทางออนไลน์หวังเสริมทัพการขายฟิลม์กรองแสง

28 ก.ค. 2563 | 23:00 น.

ไฮ-คูล ปรับกลยุทธ์สู้ศึกตลาดฟิลม์กรองแสงรถยนต์ ด้วยการรุกช่องทางออนไลน์ พร้อมพัฒนาแอปพลิเคชัน และเข้าสู่ร้านค้าออนไลน์ในมาร์เก็ตเพลส ทั้ง ลาซาด้า ช้อปปี้

นางสาวชลิฏา วณิชชากรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาด บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง Hi-Kool เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมในปีนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ยอดขายรถในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563  ลดลง 37% ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็ได้ปรับลดยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลง


จากสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศด้วยเช่นเดียวกัน โดยบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการเข้าสู่ช่องทางการตลาดออนไลน์ และจัดแคมเปญโปรโมชันควบคู่ ซึ่งหลังจากส่งแคมเปญนี้ออกไป พบว่าลูกค้าให้การตอบรับดีมาก โดยบริษัทฯได้ร่วมกับตัวแทนจำหน่าย ส่งต่อลูกค้าไปติดตั้งในสาขาที่ลูกค้าเดินทางได้สะดวก ได้ประโยชน์ทั้งลูกค้าและคู่ค้าที่เป็นพันธมิตร

ไฮ-คูล รุกช่องทางออนไลน์หวังเสริมทัพการขายฟิลม์กรองแสง
"ช่วงแรกที่รุกช่องทางออนไลน์ เราทำแคมเปญลดราคาพิเศษ 50% และลูกค้าจองเข้ามากว่า 1,000 คัน ซึ่งเป็นยอดที่สูงกว่าตอนที่จัดแคมเปญ่ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในปีที่ผ่านมา ที่มียอดจอง 720 คัน"
 

 

นายปฏิพล วณิชชากรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายต่างประเทศ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด กล่าวว่า การมุ่งสู่ดิจิทัล ถือเป็นนโยบายที่บริษัทให้ความสำคัญเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และถือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ในการรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค “Next normal” ที่ช่องทางออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทในการซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น 

ไฮ-คูล รุกช่องทางออนไลน์หวังเสริมทัพการขายฟิลม์กรองแสง
ขณะเดียวกันบริษัทจะนำข้อมูลผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการออนไลน์ในช่วงสถานการณ์โควิด มาพัฒนา ปรับปรุง และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เข้าถึงผู้บริโภคในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งในช่องทางของโซเชียล มีเดีย ร้านค้าออนไลน์ หรือ มาร์เก็ตเพลส (Market Place) เช่น ลาซาด้า ช้อปปี้ รวมทั้งอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชั่น เพื่อเชื่อมความต้องการ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภค รวมถึงคู่ค้าให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น


“พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราต้องเตรียมองค์กรให้พร้อมรองรับกับยุคใหม่ หรือ Next Normal ที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินธุรกิจที่บริษัทได้วางไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อเกิดสถานการณ์โควิดจึงนำมาปรับใช้ได้ทันที และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า รวมถึงคู่ค้าได้ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ บริษัทจะนำไปพัฒนา และเพิ่มช่องทางที่หลากหลายในการเข้าถึงลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ที่หดตัวลง ก็คาดว่าจะส่งผลกระทบด้านรายได้และผลการดำเนินงานของเรา ที่น่าจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ”