“จีน”ลุยพัฒนาเกษตร-ชนบท บรรเทาความยากจน

27 ก.ค. 2563 | 04:08 น.

“ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง”ลุย มณฑลจี๋หลิน กำชับให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรและพื้นที่ชนบท หวังช่วยบรรเทาความยากจนและป้องกันการหวนกลับมาของความยากจน

 

วันที่ 27 ก.ค.63 พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้นำเสนอข้อมูลวิเคราะห์เกี่ยวกับการลงพื้นที่ตรวจงานในมณฑลจี๋หลินของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๔ ก.ค.๖๓ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. เมื่อวันที่ ๒๒ ก.ค.๖๓ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมมณฑลจี๋หลิน ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยังเมืองซื่อผิง มณฑลจี๋หลิน เพื่อตรวจงานการผลิตธัญญาหารในส่วนท้องถิ่น การอนุรักษ์พัฒนาดินดำ และการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่พัฒนาการเกษตร  โดยเน้นว่า ต้องใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อคุ้มครองดินดำที่ล้ำค่าผืนนี้ดั่งคุ้มครองหมีแพนด้า 

ต่อจากนั้น ได้เดินทางไปชมหอรำลึกสงครามป้องกันของเมืองซื่อผิง อีกด้วย อันเป็นการทบทวนประวัติศาสตร์การปฏิวัติและไว้อาลัยวีรชนที่พลีชีพเพื่อชาติ  

๒. เมื่อวันที่ ๒๓ ก.ค.๖๓ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางลงพื้นที่เมืองฉางชุน มณฑลจี๋หลิน โดยได้เดินทางไปยังชุมชนฉางซานฮัวหยวนของเขตควันเฉิง สถาบันศึกษาบุคลากรชุมชนเมืองฉางชุน และหอนิทรรศการการวางแผนเขตเมืองใหม่ฉางชุน เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการบริการชุมชน การวางแผนสร้างสรรค์เขตเมืองใหม่ และการพัฒนาปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น 

ในระหว่างการตรวจเยี่ยม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทราบว่ามีพนักงานใหม่หลายคนเป็นบัณฑิตจบใหม่ในปีนี้ จึงได้กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด การหางานทำของนักศึกษาจบใหม่ในปีนี้จึงต้องเผชิญอุปสรรคความยากลำบากอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ทั้งพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีนกำลังใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวอย่างสูงโดยถือเป็นงานสำคัญอันดับต้นๆ  ของงานด้านเศรษฐกิจและงานการแก้ไขปัญหาของประชาชนในปีนี้ เพื่อให้บัณฑิตทุกคนสามารถหางานทำได้ 

๓. ข้อสังเกตต่อการตรวจงานในครั้งนี้ อันเป็นการเตรียมดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ระยะเวลาห้าปี ฉบับที่ ๑๔ ในปีหน้า กล่าวคือ

๓.๑ แผนพัฒนาฯ ดังกล่าว จะเป็นห้าปีแรกที่จีนได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ในการสร้างประเทศสังคมนิยมแบบทันสมัยในทุกด้าน โดยเฉพาะหลักประกันความมั่นคงด้านอาหาร โดยเร่งการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาการเกษตรและสร้างประสบการณ์ในการสำรวจเส้นทางของการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ อันเป็นกุญแจสู่ความทันสมัยทางการเกษตรคือ ความทันสมัยของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร เพื่อเสริมสร้างการรวมตัวกันของการเกษตรและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี 

รวมถึงเสริมสร้างนวัตกรรมของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด ตลอดจนสนับสนุนหน่วยงานธุรกิจการเกษตรใหม่ๆ อย่างแข็งขัน เช่น ฟาร์มครอบครัวและสหกรณ์เกษตรกร ฯลฯ โดยสนับสนุนให้ท้องถิ่นสำรวจแบบจำลองสหกรณ์แบบมืออาชีพที่แตกต่างกันตามสภาพท้องถิ่น

๓.๒ การดำเนินแผนพัฒนาฯ ดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีคุณภาพสูง โดยต้องมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงพลังงาน รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจนวัตกรรมและการต่อต้านความเสี่ยง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เศรษฐกิจที่แท้จริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการผลิตปฏิบัติได้ดีขึ้น เพื่อปรับปรุงระดับของห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดเป็นทิศทางหลัก ตลอดจนเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่และเร่งการสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งมีความจำเป็นต้องเร่งการเปลี่ยนแปลงการทำงานของรัฐบาล การสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นการตลาดที่ถูกกฎหมาย และต้องปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อีกทั้งสนับสนุนการพัฒนาองค์กรเอกชน รวมถึงส่งเสริมผู้ประกอบการและกระตุ้นพลังขององค์กรตลาดต่างๆ

๓.๓ มุ่งเน้นการต่อสู้ที่ยากลำบากในการดำเนินงานหลัก "หกเสถียรภาพ" ได้แก่  เสถียรภาพการจ้างงาน เสถียรภาพทางการเงิน เสถียรภาพการค้าต่างประเทศ เสถียรภาพการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เสถียรภาพการลงทุนภายในประเทศ และเสถียรภาพเป้าหมายที่คาดการณ์) 

และดำเนินงาน "หกหลักประกัน" (ได้แก่ หลักประกันการจ้างงาน หลักประกันการดำรงชีวิต หลักประกันกลไกการตลาด หลักประกันความมั่นคงอาหารและพลังงาน หลักประกันห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่อุปทาน และหลักประกันการดำเนินงานของหน่วยงานระดับพื้นฐาน) อย่างเต็มที่ โดยใช้ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างทั่วถึง เพื่อสร้างสังคมที่มีความเป็นอยู่ที่ดีในทุกวิถีทางสำหรับการต่อสู้ให้พ้นจากความยากจนอย่างถาวร
 
บทสรุป ในการลงพื้นที่ตรวจงานที่มณฑลจี๋หลินในครั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรและพื้นที่ชนบท โดยเร่งพัฒนาพื้นที่การเกษตรที่มีมาตรฐานสูง ด้วยการเสริมสร้างเทคโนโลยีการเกษตร และการปฏิรูปโครงสร้างด้านอุปทานการเกษตร รวมทั้งส่งเสริมการรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมในชนบทแบบบูรณาการ มีการผสมผสานของความทันสมัยทางการเกษตรและความทันสมัยในชนบท และส่งเสริมการขยายการบริการสาธารณะสู่ชนบท 

ตลอดจนการพัฒนาหน่วยงานธุรกิจการเกษตรสองประเภท (ฟาร์มครอบครัวและสหกรณ์เกษตรกร) และส่งเสริมการปฏิรูประบบสิทธิในทรัพย์สินส่วนรวมในชนบทอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อการบรรเทาความยากจนและป้องกันการหวนกลับมาของความยากจน