"เลขาฯคปต."จี้นายกฯตรวจสอบ-ลงโทษคนช่วย"บอส อยู่วิทยา"

25 ก.ค. 2563 | 13:43 น.

"วีระ สมความคิด" เลขาฯคปต.ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ จี้ตรวจสอบและลงโทษคนช่วย"บอส อยู่วิทยา"ไม่ให้ได้รับโทษตามกฏหมาย

คดีดังของนาย"บอส อยู่วิทยา” หรือ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทตระกูลดังผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องดื่ม “กระทิงแดง” ที่เริ่มจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเมื่อคืนวันที่ 3 ก.ย. 2555 บนถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกที่การติดตามไต่สวนคดี การยื่นสำนวนส่งฟ้องและการออกหมายจับ กินเวลายืดเยื้อยาวนานหลายปี สุดท้ายวันที่ 24 ก.ค.2563 หลังเกิดเหตุมาแล้วร่วม 8 ปี มีข่าวว่าอัยการสูงสุด (อสส.)ตัดสินยกฟ้อง “บอส” ทุกข้อกล่าวหา 

ล่าสุดวันนี้(25 ก.ค.63)นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน(คปต.) ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบและลงโทษกับผู้กระทำความผิดที่ช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ไม่ให้ได้รับโทษตามกฏหมาย เนื้อหาระบุว่า

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ได้ขับรถยนต์เฟอร์รารี่ทะเบียน ญญ 1111 กรุงเทพมหานคร ชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 แต่ไม่หยุดรถเป็นเหตุให้ลากร่างดาบวิเชียรไปประมาณ 200 เมตรจนถึงแก่ความตายอย่างทรมาน

ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้แจ้งข้อหานายวรยุทธรวม 4 ข้อหา คือ (1) ขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด (2) เกิดอุบัติเหตุแล้วไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ (3) ขับรถในขณะมึนเมา และ (4) ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยความผิดตาม (1)-(2) มีอายุความ 1 ปี ส่วนความผิดตาม (3) มีอายุความ 5 ปี ซึ่งขาดอายุความไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2560 คงเหลือคดีประมาทเป็นเหตุให้คนตายซึ่งจะขาดอายุความในวันที่ 3 กันยายน 2570

คดีนี้ มีการวางแผนเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดอย่างเป็นระบบมาโดยตลอด โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานให้ความร่วมมือ เริ่มจากตำรวจเชื่อผู้กระทำความผิดอย่างง่ายดาย โดยเขาอ้างว่าขณะขับรถไม่ได้เมาสุรา (ไม่เมาแล้วอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่รู้สึกว่าขับรถชนผู้ใดได้อย่างไร และที่ตำรวจตรวจพบแอลกอฮอล์ในตัวเขาเนื่องจาก เมื่อกลับมาถึงบ้านเขาได้เอาเหล้าของพ่อมาดื่มจนเมา คือเมาตอนเช้าหลังขับรถชนตำรวจตาย) นอกจากนี้มีการนำเอาตัวพ่อบ้านมาเป็นผู้ต้องหาแทน แต่ถูกจับได้และไม่มีใครเชื่อจึงโกหกประเด็นนี้ไม่สำเร็จ ส่วนพนักงานสอบสวนก็มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยปล่อยให้คดีตาม (1)-(3) ขาดอายุความ เพราะหากผู้ต้องหาไม่หนีออกนอกประเทศ เมื่อฟ้องคดีก็ต้องนำตัวส่งฟ้องต่อศาลได้ เมื่อคดีเข้าสู่ศาลก็ไม่มีเหตุที่จะได้รับความปราณีจากศาล เพราะคดีขับรถเร็ว ชนคนแล้วไม่หยุดช่วยเหลือ และเมาแล้วขับ ซึ่งจะเป็นเหตุทำให้ศาลไม่สามารถรอการลงโทษได้ ต้องติดคุกสถานเดียว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“บอส” ทายาทกระทิงแดง หลุดทุกข้อหาคดีขับรถชนตำรวจตาย

เปิดสินทรัพย์"อยู่วิทยา" รวย 6.6 แสนลบ. ห้าปีโตเท่าตัว

#บอสอยู่วิทยา กระหึ่มโซเชียล เขย่าความรู้สึกคนไทย อ่านข่าวทั้งหมดได้ที่นี่

จึงต้องทำให้ความผิดเหล่านี้ขาดอายุความ จะได้ไม่ถูกนำมารวมในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต

สำหรับคดีประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต นั้น เบื้องต้นอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ซึ่งตำรวจจะต้องนำตัวนายวรยุทธมาส่งอัยการ เพื่อนำตัวส่งฟ้องต่อศาลพร้อมคำฟ้องภายในอายุความ แต่เนื่องจากมีการช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาสามารถหลบหนีไปต่างประเทศได้สำเร็จ จึงต้องทำเป็นเนียนเพื่อตบตาประชาชน โดยมีการออกหมายจับ และแจ้งตำรวจสากลให้ทราบ แต่ที่ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัยคือ ต่อมาอัยการสูงสุดมีการกลับคำสั่งของตัวเอง เป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เชื่อฟังอัยการดีมาก ไม่คัดค้านเลย จึงทำให้คดีนี้ถึงที่สุด (แต่ยังสามารถรื้อคดีขึ้นมาได้ หากมีพยานหลักฐานใหม่)

อ่านจดหมายเพิ่มเติม

ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก วีระ สมความคิด