โควิดพ่นพิษ ผู้ปกครองเตรียมกู้เงินจ่ายค่าเทอม

24 ก.ค. 2563 | 08:21 น.

พิษโควิด-19 กระทบผู้ปกครองรายได้หด ตกงาน ผลสำรวจบ่งชี้เตรียมกู้เงินเพื่อจ่ายค่าการศึกษา ด้านนักวิชาการเผยเรียนฟรีไม่มีจริง จี้รัฐออกนโยบายงดเว้นค่าเทอม แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง

วันที่ 24 กรกฎาคม 2563  เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน  มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้จัดเสวนา “ความยากลำบากของผู้ปกครองในการรับมือเปิดเทอมช่วงโควิด-19


นางสาวปาลิณี  ต่างสี ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เปิดเผยว่า ผลสำรวจความพร้อมรับมือเปิดเทอมของผู้ปกครองที่บุตรหลานกำลังศึกษาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยสำรวจกลุ่มที่มีบุตรหลานในวัยเรียน 2,286 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่16-26 มิ.ย. จากผู้ปกครองหลากสาขาอาชีพอาทิ รับจ้าง ค้าขาย เกษตรกร พนักงานเอกชน ข้าราชการ 


โดยหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ ช่วงวิกฤตโควิด-19  ผู้ปกครองได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยส่วนใหญ่กว่า 69.24  % มีรายได้ลดลง และ 16.97 %  ตกงาน ประกอบอาชีพไม่ได้ เมื่อถามถึงการได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือไม่พบว่า 48.48%  ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐแต่ไม่เพียงพอ ,27.42 % หรือประมาณ1ใน 4 ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ,12.29 % ได้รับความช่วยเหลือเพียงพอ  และไม่ขอรับความช่วยเหลือ 11.81 %  


วิกฤตครั้งนี้ยังทำให้ผู้ปกครองเกือบทั้งหมดหรือ กว่า 95.41%  มีผลกระทบด้านการศึกษาของบุตรหลาน  โดย 25.41% ต้องหาแหล่งกู้เงินมาใช้จ่าย , 24.06 % งดซื้ออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน , 14.55 % ลดค่าขนมไปโรงเรียน และ   8.17 % เลือกจำนำสิ่งของเครื่องใช้   


เมื่อถามถึงความเครียดพบว่า 33.85 % ใช้วิธีหาคนพูดคุยระบายทุกข์ , 26.42% เลือกดูทีวีฟังเพลง อ่านหนังสือ ตามมาด้วยการออกกำลังกาย  ดื่มสุรา เก็บไว้คนเดียวไม่คุยกับใครและเล่นเกมออนไลน์  
เมื่อถามว่าต้องการให้รัฐช่วยเรื่องใด ส่วนใหญ่เกินครึ่งอยากให้มีนโยบายช่วยเหลือ ลดหรืองดเว้นค่าเทอม ค่าบำรุง ตามด้วยมีกองทุนช่วยเหลือที่เข้าถึงได้ง่าย


 เมื่อถามถึงความกังวลใจช่วงเปิดเทอมพบว่ากว่า28.69 %  ระบุว่า เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 , กลัวบุตรหลานเรียนไม่ทันหรือไม่เข้าใจบทเรียน 21.54 %   ,เด็กๆอยู่กับสังคมออนไลน์มากเกินไป19.62 %  และห่วงความไม่ปลอดภัยหลังมีข่าวเด็กนักเรียนถูกคุกคามทางเพศมากขึ้น18.57 % 

 

โควิดพ่นพิษ ผู้ปกครองเตรียมกู้เงินจ่ายค่าเทอม
 

ด้านนายอนรรฆ  พิทักษ์ธานิน ศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากผลสำรวจของเครือข่ายเยาวชนฯข้างต้น พบว่า ช่วงโควิด-19 มีผลกระทบต่อชีวิตของกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มที่มีฐานะยากจนในเมือง ซึ่งในคนกลุ่มนี้มีการทำงานในภาคที่ไม่เป็นทางการ เช่น ค้าขาย รับจ้าง ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพที่ไม่มีหลักประกันรายได้ และไม่มีความมั่นคง เมื่อเกิดการว่างงาน ตกงาน ขึ้นมา จึงส่งผลให้มีรายได้ไม่สัมพันธ์กับค่าใช้จ่าย 


จากผลสำรวจได้ส่งสัญญาณว่า 1 ใน 4 ของประชากร ต้องกู้หนี้เพื่อมาใช้จ่ายด้านการศึกษา สวนทางกับนโยบายภาครัฐที่ให้เรียนฟรี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เรียนฟรีไม่มีจริง พ่อแม่ผู้ปกครองยังต้องจ่ายเงินเพื่อการศึกษาอยู่ ทั้งที่การศึกษาไม่ควรมีค่าใช้จ่ายใดๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบาง ยกตัวอย่าง ผู้ปกครองต้องมีภาระค่าใช้จ่ายจัดหาแมสให้กับบุตรหลาน และในเดือนนี้จะสิ้นสุดมาตรการความช่วยเหลือจากภาครัฐ จะทำให้รายได้น้อยกว่ารายจ่าย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการศึกษา หรือหลุดออกจากระบบการศึกษาได้


“ทางออกของเรื่องนี้ เราต้องไปดูที่ภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางนี้อย่างไร โดยเฉพาะเงินกู้ 4 แสนล้านนี้ว่า จะลงไปช่วยกลุ่มที่เดือดร้อนได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ภาครัฐจะต้องออกมาเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจน มีเป้าหมายการใช้เงิน เพื่อให้เกิดการจ้างงานกับคนกลุ่มนี้ หรือภาครัฐจะมีมาตรการลดรายจ่าย โดยเฉพาะในแง่ของการศึกษา ต้องมาดูว่าที่ผ่านมาผู้ปกครองมีต้นทุนด้านการศึกษามาตลอด รัฐบาลกล้าหรือไม่ที่จะประกาศว่าถ้าเป็นเรื่องของการศึกษาภายใน 1 ปีนี้ไม่ต้องเสียเงินสักบาทจริงๆ” 
 

ด้านนางสุกัญญา เกิดทิม ประธานสหภาพกิจการสิ่งทอวาไท ครอบครัวผู้ใช้แรงงาน กล่าวว่า ช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด เกิดการล็อกดาวน์ประเทศ ตนและเพื่อนๆได้รับผลกระทบอย่างมาก พอมาเจอช่วงเปิดเทอมก็ยิ่งลำบากเข้าไปอีก รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เพราะที่ทำงานไม่มีโอที รายได้ที่มีก็แค่ค่าแรงขั้นต่ำ แม้โรงงานจะพยายามหาทางจุนเจือช่วยเหลือบ้าง เช่นมีการเลี้ยงอาหารพนักงาน แต่ก็ลำบากอยู่ดี 


เมื่อเปิดเทอมแล้วสิ่งที่ผู้ปกครองต้องจ่ายเพิ่มคือ ค่าเทอม รัฐช่วยแค่ค่าหนังสือ ส่วนค่าชุดนักเรียน ถ้าไม่มีใบเสร็จจะไปเบิกกับรัฐไม่ได้ ซึ่งถ้าจะซื้อชุดนักเรียนจะต้องเอาเงินของเราจ่ายไปก่อน
 “ถามว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ตอนนี้ทำได้แค่กู้เงินนอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 มาใช้ในครอบครัวไปก่อน อนาคตตนวางแผนไว้ว่า จะชักชวนเพื่อนร่วมงานทำเกษตรยั่งยืน ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวไว้เก็บกินเอง เช่น พริก กระเพรา พืชอะไรก็ได้ที่สามารถปลูกในกระถางได้ แต่ถ้าในอนาคตอาจมีการขยาย และถ้าเหลือก็จะนำออกขายเพื่อสร้างรายได้"


นางสุกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้จะติดต่อเครือข่ายนำสินค้าที่มีคุณภาพมาให้พนักงานได้กินได้ใช้ โดยจำเป็นต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุดและไม่รู้ว่าวิกฤตในครั้งนี้จะยาวนานแค่ไหน ต้องลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกเช่นบรรดาอบายมุข เหล้า บุหรี่ หวย การพนัน ของใช้ที่ไม่จำเป็นต้องงดกันจริงๆ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายสิ่งของที่จำเป็น  ก็ขอให้กำลังใจผู้ปกครอง คนงานทุกคนที่จะฟันฝ่าช่วงเวลาอันยากลำบากที่ไปด้วยกันให้ได้