วันที่ 23 ก.ค.2563 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. เข้ายื่นหนังสือต่อประธานกกต. ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบจรรยาบรรณ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กรณีกกต.มีมติให้สำนักงานกกต.เชิญตนเองมาให้ข้อมูลการทุจริตการเลือกตั้งส.ส.เขต 4 ลำปางแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยนายสมชัย กล่าวว่า ตนไม่ติดใจเรื่องการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนที่จะสอบสวนเรื่องร้องเรียนทุจริตแล้วเสร็จ แต่เห็นว่ากกต.มีมติให้เชิญตนให้ข้อมูลตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ก.ค. แต่พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กลับให้กกตจ.ลำปางมีหนังสือเชิญตนไปให้ข้อมูลจังหวัดแทนที่จะให้ข้อมูลที่สำนักงานกกต.ส่วนกลาง ซ้ำหนังสือที่ออกจากจ.ลำปางมาถึงตนก็ล่าช้าโดยมาถึงบ่ายวันที่ 22 ก.ค.ที่กกต.มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้ว
และเมื่อถามการเดินทางไปให้ปากคำที่ลำปางก็ได้รับการชี้แจงว่าตามระเบียบของกกต.ไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้เพราะตนยังไม่ใช่พยานเป็นเพียงผู้ให้ข้อมูล ซึ่งตนเห็นว่าการทำงานลักษณะนี้ใช้ไม่ได้ การที่กกต.ขอข้อมูลจากประชาชนไม่ควรที่จะสร้างเงื่อนไขที่เป็นภาระให้กับประชาชนมากขนาดนี้ แม้จะอ้างว่าระเบียบข้อบังคับ แต่ก็เชื่อว่ากกต.เองมีอำนาจที่จะสั่งให้ตนมาให้ข้อมูลที่สำนักงานกกต. ส่วนกลางได้
“ ผมไม่ได้แย้งเรื่องการรับรองผล กกต.มีสิทธิรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน แต่คำถามคือ กกต.ใช้อะไรคิดที่ว่าผมอยู่กรุงเทพแต่สั่งให้ไปให้ปากคำที่จ.ลำปาง โดยต้องบินไปและออกค่าใช้จ่ายเอง ถ้าท่านไม่เรียกผมไม่เป็นปัญหา แต่ท่านเรียกผมทำไมและเรียกผมด้วยวิธีการแบบนี้ทำไม ถ้าระเบียบกกต.เป็นแบบนี้ผมไม่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ในลักษณะที่ต้องเดินทางไปให้ถ้อยคำที่ลำปางวันนี้จึงปฏิเสธไป ถ้าเชิญมาที่นี่ ผมยินดีออกค่าใช้จ่าย ค่ารถมาเองได้ แต่ถ้าไปลำปางโดยไม่มีระเบียบการสนับสนุนค่าใช้จ่าย ผมไม่ไป ต้องต่อสู้บนหลักการนี้ กกต.จะเรียกร้องให้ประชาชนเสียสละมากเกินไปไม่ได้ กรณีผมคือกรณีตัวอย่างถ้ากกต.ต้องการแสวงหาข้อเท็จจริงจะต้องอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน กกต. ผู้ตรวจการเลือกตั้ง และเลขากกต. แต่ละคน รับเงินเท่าไร ประชาชนซึ่งไม่มีเงินเดือนคุณจะต้องให้เขาออกค่าใช้จ่ายเป็นหมื่นเพื่อให้ความร่วมมือกับกกต. เราคิดว่าหลักการนี้ใช้ไม่ได้” นายสมชัย กล่าวอย่างมีอารมณ์
ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงการดำเนินการของสำนักงาน กกต.โดย เลขาธิการ กกต.แล้วเห็ฯว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดจรรยาบรรณขอผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ตามมาตรฐานจริยธรรมขององค์กรอิสระและหัวหน้า หน่วยธุรการขององค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 21 หมวด 3 จริยธรรมทั่วไป ที่ระบุว่า "ต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมโปร่งใส ตรวจสอบได้"
และ ข้อ 23 ที่ระบุว่า "ต้องปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความเต็มใจ ให้บริการด้วยความรวดเร็ว เสมอภาค ถูกต้อง โปรงใส ปราศจากอคติ"ดังนั้นจึงขอให้ประธน กกต.และกรรมการ กกต.ให้มีการดำเนินตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจริงให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบการประพฤติผิดจริยธรรรมของผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยธุรการขององค์การอิสระ เพื่อให้กกต.และสำนักงาน กกต.สามารถปฏิบัติงานในภายภาคหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของประชาชน