“ส.อ.ท.” เปิดแผนฟื้นฟูหลัง “โควิด” ลดพึ่งพาต่างชาติ-เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

23 ก.ค. 2563 | 05:35 น.

“ส.อ.ท.” เปิดแผนฟื้นฟูหลัง “โควิด-19” ลดการพึ่งพาต่างชาติ-เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร สนับสนุนการใช้สินค้าไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. และประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูหลัง COVID-19 เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการวางแผนฟื้นฟูในระยะกลาง (6-12 เดือน) และระยะยาว (18-24 เดือน) โดยแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมดั้งเดิม 45 กลุ่ม 11 คลัสเตอร์ มี 3 ข้อหลัก ประกอบด้วย

1.สนับสนุนสินค้าไทย (Made in Thailand) ซึ่งได้นำเสนอกับกรมบัญชีกลางในการปรับปรุงระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ให้เพิ่มแต้มต่อในด้านการซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมากขึ้น

,2.เน้นการพัฒนาห่วงโซ่การผลิต ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ตลอดซัพพลายเชน ทั้งนี้ อุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผลกระทบจากงครามการค้า (Trade War) เมื่อปีที่ผ่านมา และยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรค  โควิด-19 ทำให้ขาดชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากการปิดประเทศและการ  Lock Down ของจีน

“ส.อ.ท.” เปิดแผนฟื้นฟูหลัง “โควิด” ลดพึ่งพาต่างชาติ-เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

แต่บางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการสั่งของจากต่างประเทศไม่ได้ จึงหันมาสั่งของจากไทย แต่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น จึงเป็นที่มาของ Deglobalization การหันกลับมาพัฒนาสิ่งของหรือวัตถุดิบใช้เองในประเทศ นอกจากนี้กรณี Trade War รอบสองเกิดขึ้นแล้ว ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้น การจะทำให้ซัพพลายเชนในประเทศกลับมาได้ คือการพัฒนาห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ

และ3.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในภาคเกษตรและอาหาร ในขณะที่การส่งออกและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาการจ้างงาน แต่ประเทศไทยมีต้นทุนที่ดีมากคือความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้น อุตสาหกรรม Bio Economy การทำเกษตรแปรรูป เกษตรเพิ่มมูลค่า จะเป็นสิ่งที่ตรงกับคนไทยมากที่สุดในอนาคต และเป็นความต้องการของโลกด้วย

สำหรับแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความสำคัญในอนาคต 6 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมดิจิทัล 2.อุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับสุขภาพ 3.เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ 4.อุตสาหกรรมโลจิสติกส์  5.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และ 6.อุตสาหกรรม Bio Economy 

นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดตั้งโครงการความร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) ระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรม, คลัสเตอร์ และสภาอุตสาหกรรมจังหวัด โดยสภาอุตสาหกรรมฯ ในฐานะหน่วยงานภาคเอกชน เห็นว่าเรื่องแผนฟื้นฟูควรเป็นแผนระยะยาวที่มีความยั่งยืนและต่อยอดได้ ดังนั้น ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นความร่วมมือจากคลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่างๆ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัด โดยได้เชิญประธานสภาอุตสาหกรรมทั้ง 5 ภาค เข้าร่วมเป็นอนุกรรมการฟื้นฟูฯ เพื่อร่วมพิจารณาเสนอโครงการนำร่องจากแต่ละภาค และให้คลัสเตอร์และกลุ่มอุตสาหกรรมได้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะภาคการเกษตร โดยปัจจัยสำคัญที่จะทำให้โครงการสำเร็จได้ คือ

Ownership ต้องมีเจ้าภาพดำเนินการ อาจเป็นมืออาชีพ หรือผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ ,Business Plan ต้องมีแผนธุริจที่ชัดเจน การดำเนินงานจะต้องมีกำไร ขยายต่อไปได้อย่างยั่งยืน และCo-Operation การเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมจังหวัด