“สมศักดิ์”ทำใจหาก “โผ ครม.” ของพปชร.พลิก

22 ก.ค. 2563 | 10:52 น.

“สมศักดิ์”ทำใจหาก “โผ ครม.”ของ พปชร.ที่เสนอนายกฯ พลิก ระบุขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ"บิ๊กตู่"          

วันนี้ (22 ก.ค.63) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และแกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวถึง “โผ ครม.” ที่อาจพลิกได้ และปรากฏว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และ นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ตำแหน่งตามที่ต้องการ ว่า เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่พูดคุยกันภายในพรรค เมื่อได้ข้อยุติก็ส่งเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพรรค และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี จึงไม่ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะหากเปลี่ยนแปลง นายกฯ คงแจ้งมาทางหัวหน้าพรรค

 

"จนถึงขณะนี้ผมเองยังไม่ได้พบ พล.อ.ประวิตร จึงยังไม่มีข้อมูลใหม่ และไม่อยากให้คาดเดา เพราะคิดว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ประชาชนกำลังรอการแก้ไขปัญหา"

 

นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีกลุ่มสามมิตรแล้ว ที่สำคัญเมื่อพูดคุยกันแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค หรือหากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ให้สิทธิ์หัวหน้าพรรค พวกตนไม่เคยมีปัญหา ทำงานกันต่อไป และถือเป็นเรื่องของพรรคที่จะพิจารณาว่าพรรคพลังประชารัฐยังเป็นพลังหรือไม่ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของแต่ทุกคนที่มีอยู่ ซึ่งพวกตนได้ทำตามหน้าที่ของตนเองครบถ้วนแล้ว จึงไม่อยากคิดมาก เพราะหากคิดมากก็คงนอนไม่หลับ ตนก็นอนไม่หลับ

เมื่อถามว่าห่วงรัฐมนตรีในกลุ่มที่ไม่ได้ตำแหน่งตามคาดหวังหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวอย่าพูดถึง เนื่องจากเป็นสิ่งไม่ดี ประชาชนรอดูเราอยู่ อย่าให้สับสน หรือเป็นประเด็น เพราะขณะนี้เรื่องทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรค เรื่องรายละเอียดอื่นๆ คงไม่ใช่หน้าที่ที่จะมาทำให้เกิดความวุ่นวาย

 

ก่อนหน้านี้ พรรคพลังประชารัฐ มีมติเสนอ 5 คน เป็นรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เป็น รวม.พลังงาน นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค เป็น รมว. อุตสาหกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค เป็นรมว.แรงงาน และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์​ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

และยังเสนอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็น รมว.มหาดไทย อีกตำแหน่ง โดยเห็นว่าเพื่อให้การทำงานในพื้นที่เป็นไปอย่างราบรื่นไม่ติดขัด และประสานฝ่ายการเมืองได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ส.ส.ในพื้นที่ดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง และถือเป็นการขยายฐานเสียงให้กับพรรค เพื่อให้เป็นพรรคอันดับ 1