ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จัดสัมมนาวิชาการ “ชวนคุยชวนคิด ปรับวิถีธุรกิจท้องถิ่นในโลกใหม่อย่างยั่งยืน” ในวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563 เวลา 09.00 – 12.00 น. ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ธปท. จัดสัมมนาผ่านทาง facebook live
การสัมนาครั้งนี้จะมีหัวข้อที่สำคัญ ดังนี้
สามารถรับชมการถ่ายทอดสดงานสัมมนาวิชาการ “ชวนคุยชวนคิด ปรับวิถีธุรกิจท้องถิ่นในโลกใหม่อย่างยั่งยืน” ได้ตามลิงค์ข้างล่าง
ก่อนหน้านี้เมื่อ วันที่14 กรกฎาคม 2563 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท ร่วมชี้แจงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในการประชุมสัมมนานักวิเคราะห์ (Analyst meeting) ว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุด ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ซึ่งมีมาตรการควบคุมการระบาดแล้ว โดยสามารถควบคุมโควิด-19 ได้เป็นผลสำเร็จ และเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดตั้งแต่เดือนมิถุนายน กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงทยอยปรับเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทั้งการเดินทาง การจับจ่ายใช้สอย และการผลิต
โดยในการประชุมครั้งล่าสุด (24 มิ.ย. 2563) กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ออกมาเพิ่มเติม ช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและจะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้หลังการระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ธปท.ชี้ 3ปัจจัยเสี่ยงกดเศรษฐกิจไทย
การใช้จ่ายภาครัฐความหวังเดียวเคลื่อนจีดีพีปี 2563
มติกนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ต่อปี ปรับเป้าเศรษฐกิจปีนี้ -8.1%
นอกจากนี้ กนง. เห็นว่าจะต้องมีนโยบายด้านอุปทานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ (economic restructuring) ให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 คลี่คลายลงด้วย ได้แก่
1.มีกลไกการบริหารกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรม อาทิ เอื้อให้เกิดการควบรวมกิจการในสาขาที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่มาก หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังจากการระบาดคลี่คลายลง
2.สนับสนุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพและมีโอกาสฟื้นตัวเร็ว
3.เร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
4.สนับสนุนการพัฒนาทักษะแรงงาน (reskill and upskill) เพื่อรองรับการจ้างงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายและปรับตัวเข้าสู่บริบทใหม่
5.เร่งปฏิรูปกฎเกณฑ์ภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทใหม่
การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจข้างต้น ควบคู่กับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (debt restructuring) จะช่วยเสริมสร้างให้เศรษฐกิจมีความเข้มแข็งและช่วยรักษาระดับศักยภาพการเติบโต (potential growth) ให้เศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาเติบโตได้ในระยะต่อไป