“จุรินทร์”ปลุกลูกพรรค มั่นใจปชป.กลับมายิ่งใหญ่

พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ที่โรงแรมรามา การ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีฯ เช้าวันนี้(19 ก.ค.63) โดยมีวาระสำคัญ อาทิ วาระที่ 4 แผนยุทธศาสตร์ของพรรคดำเนินการกิจกรรมสำหรับปีต่อไป โดยเฉพาะการหารายได้การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในทางการเมืองและการพัฒนาบุคากรทางการเมือง และวาระที่ 5 เลือกตั้งเหรัญญิกพรรค แทนตำแหน่งที่ว่างลง

ระหว่างการประชุม นายชนะ ร่วมแสง สมาชิกพรรคลุกขึ้นสอบถาม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรค ในประเด็นการบริหารจัดการภายในพรรคเป็นอย่างไร แต่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคได้ตัดบทบอกว่า ยังไม่ถึงวาระเรื่องนี้ แต่ นายชนะ ยืนยันว่าได้ตั้งคำถามในช่วงวาระที่ถูกต้องแล้ว ทำให้นายจุริทร์ ได้ชี้แจงว่า 

ในปี 2562 พรรคได้ผ่านการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 โดยพรรคได้ ส.ส.มาทั้งหมด 52 คนอยู่ในลำดับ 5 ของสภาฯ ดังนั้น การตัดสินใจในทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งย่อมมีข้อจำกัดไปจากเดิม จากที่พรรคเคยมีส.ส. 160 คน ทำให้การตัดสินใจทางการเมืองหลังการเลือกตั้งมีข้อจำกัด 

ถ้าพรรคจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็มีความเป็นไปได้ยาก เพราะเสียง ส.ส.มีไม่มากพอ หรือหากจะเป็นฝ่ายค้านก็มีข้อจำกัด เพราะไม่สามารถไปเป็นผู้นำฝ่ายค้านเหมือนที่เป็นมาได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่แล้ว

“ผมยังมั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะโตต่อไปอีกในวันข้างหน้า ต้องวิเคราะห์ว่าต้องมีปัจจัยความสำเร็จอย่างน้อยนอกเหนือจากอุดมการณ์ของพรรคต้องมี 1.ผลงาน 2.ความเป็นเอกภาพของพรรค”
 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในเรื่องอุดมการณ์มีคนถามว่าพรรคยังมีอุดการณ์อยู่หรือไม่ ยืนยันว่าพรรคยังมีอุดมการณ์ เพราะคือรากแก้วของประชาธิปัตย์ ซึ่งอุดมการณ์ของเรา 3 ข้อที่ยึดมั่น คือ 
1.อุดมการณ์ประชาธิปไตยระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
2.อุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์ตลอด 70 กว่าปีของพรรค
และ 3.อุดมการณ์แห่งการมุ่งมั่นรับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากอุดมการณ์ กับโลกเปลี่ยนไปไม่เพียงพอต่อความต้องการขอประเทศ และทางการเมืองทำให้อุดมการณ์จึงต้องบวกด้วยทันสมัยเป็นอุดมการณ์ทันสมัย โดยต้องเปลี่ยนอย่างมีวุฒิภาวะเพื่อตอบการเมืองยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป 

ส่วนผลงานที่เป็นปัจจัยความสำเร็จมาจากผลงานกระทำจริงไม่ใช่แต่คำพูด จึงเป็นหน้าที่ทุกคนต้องช่วยกันทำจาก 3 กลไก 1.รัฐมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.ส.ส. 3.การบริการจัดการพรรค 
 

โดยในส่วนรัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรค วันนี้ทำงานมาแล้วแค่ครบขวบปี แต่ผลงานของรัฐมนตรีหลายกระทรวงทำงานอย่างเต็มที่เป็นรูปธรรมไม่น้อย

วันที่พรรคร่วมรัฐบาลได้กำหนดเงื่อนไข 3 ข้อที่ต้องเป็นนโยบายรัฐบาล 1.ต้องมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกร 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3.ต้องบริหารแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต 

“ดังนั้นทุกคนต้องร่วมทำงานเป็นทีม เพราะตอนนี้หมดยุคซุปเปอร์แมนแล้ว ต้องเป็นยุคอเวนเจอร์ส และถัดจากนี้ไปนอกจากทีมเศรษฐกิจทันสมัย จะมีทีมสังคมทันสมัย รวมถึงทีม กทม.จะเตรียมตัวเลือกตั้งสมาชิกสภากทม. และทีมโซเชียลมีเดียเพื่อสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทันสมัยให้มากขึ้น"นายจุรินทร์ ระบุ

หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวด้วยว่า จากนี้ต้องมีการประเมินการปฏิบัติภารกิจใน 3 กลไก เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในอนาคต ถ้าทุกกลไกทำหน้าที่สมบูรณ์สุดท้ายจะถูกมามัดรวมกันเป็นผลงานประชาธิปัตย์ ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขนำประชาธิปัตย์ไปสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้า เพื่อให้ทุกคนนำไปบอกประชาชนในวันเลือกตั้งได้ว่าทำไมต้องเลือกประชาธิปัตย์ 

“ถึงแม้พรรคจะมีผลงานให้ประชาชนแค่ไหน แต่ถ้าเราขาดความเป็นเอกภาพก็ใช่ว่าพรรคจะไปสู่ความสำเร็จได้ เพราะความไม่เป็นเอกภาพคือตัวบั่นทอนพรรค ความไม่เป็นเอกภาพคือตัวบั่นทอนอนาคตของพรรค และความไม่เป็นเอกภาพคือตัวบั่นทอนทุกคนในพรรค หากมีอะไรต้องปรึกษาภายในจึงจะเรียกได้ว่ามีความเป็นเอกภาพ”

นายจุรินทร์ ย้ำว่า ความเป็นเอกภาพทำคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องจับมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความเป็นเอกภาพจึงจะเกิด ตนเชื่อว่าพวกเรา ผู้สนับสนุนพรรค และสมาชิกพรรคยืดหยัดยึดมั่นอุดมการณ์และพร้อมร่วมมือสร้างผลงานเป็นรูปธรรม 

“แต่ผมขอความร่วมมืออีกข้อ คือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสร้างความเป็นเอกภาพให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเติบโตของพรรคในอนาคต ซึ่งกรรมการบริหารพรรคพร้อมรับฟัง ถ้าเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่ในอนาคตได้แน่นอน" นายจุรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย