ย้อนวันวาน“สมคิด”ก่อนลาออก“ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีในตอนนี้"

15 ก.ค. 2563 | 12:46 น.

ย้อนวันวาน “สมคิด” ให้สัมภาษณ์สื่อ “ผมพร้อมตั้งแต่ปีที่แล้ว ...ภารกิจของผมหรอ ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีในตอนนี้”

ในที่สุด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ลูกทีมกลุ่ม “4 กุมาร” นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็เตรียมยื่นลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาล เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ปรับ ครม. โดยหนังสือลาออกจะยื่นอย่างเป็นทางการถึงมือนายกรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.63)

 

สำหรับ นายสมคิด ได้ให้เหตุผลด้วยวาจากับนายกรัฐมนตรี ไปแล้วว่า ถ้าหากมีการปรับ ครม. ไม่ต้องวิตกกังวลกับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีของตนเอง เพราะขณะนี้ก็มี “ปัญหาสุขภาพ” อย่างมาก

 

ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันนี้ 10 ก.ค.63 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เพื่อหารือแนวทางการช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ถึงกรณีกลุ่ม “4 กุมาร” ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการมาปรึกษาก่อนหรือไม่ ว่า ไม่มีอะไร ไม่ได้ปรึกษา เป็นเรื่องในพรรค เป็นเรื่องปกติ ฟังจากคำแถลงถือเป็นการแถลงที่ดี ที่เป็นมิตรต่อกัน เป็นการจากกันด้วยดี ก็แค่นั้น

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้ถูกมองไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี คิดว่าจะต้องพิจารณาด้วยความเหมาะสม

 

เมื่อถามว่านายกฯยกเลิกการประชุม ครม.เศรษฐกิจ และประชุมทีมที่ปรึกษาแทน คิดว่าทั้ง 2 ทีมจะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไรกันอยู่แล้ว เพราะรู้จักกัน และถูกต้องแล้วที่นายกฯ ควรจะได้ข้อมูลจากภายนอกที่เพียงพอก่อนที่จะพิจารณามาตรการต่างๆ ออกมา ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดี และวันนี้มากันครบ ก็ไปนั่งคุยกัน

 

เมื่อถามว่าวันนี้จะเป็นการรายงานปัญหาเอสเอ็มอีและภาวะเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ผู้ที่เข้าประชุมวันนี้ทั้งภาคเอกชน ธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อมูลเตรียมไว้หมดแล้ว เป็นสิ่งที่ดีที่นายกฯ จะได้เห็นภาพรวมทั้งหมด เรื่องที่นายกฯสนใจที่สุดคือ การช่วยเหลือเอสเอ็มอี นายกฯจึงเรียกประชุม ขณะที่มาตรการกระทรวงการคลังก็ได้เตรียมไว้แล้ว พอเข้าใจถ่องแท้ก็สามารถนำเข้าที่ประชุม ครม.ได้ จะได้ช่วยเอสเอ็มอีอย่างทันท่วงที

                                                                           

เมื่อถามว่านอกจากมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีแล้ว จะมีมาตรการหรือโครงการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ตนจะดูเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังเป็นหลัก ซึ่งกระทรวงการคลังไม่ได้ทำทุกอย่าง ทุกกระทรวงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งสิ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ต้องดูแลภาคการเกษตรและแรงงานด้านการเกษตร กระทรวงแรงงานต้องรองรับการว่างงาน กระทรวงพาณิชย์ดูเรื่องการค้าขาย ทุกกระทรวงเกี่ยวข้องทั้งนั้น ถูกต้องแล้วที่นายกฯ บอกว่าเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะในรัฐบาลผสมทุกกระทรวงต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน เป็นสิ่งที่ดี

 

เมื่อถามว่านายกฯพูดชัดแล้วว่าจะมีการปรับ ครม.เศรษฐกิจ นายสมคิด กล่าวว่า “แล้วแต่ท่านนายกฯ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย”

 

เมื่อถามว่าเรื่องการเมืองจะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า การเมืองดี เศรษฐกิจก็จะดี สังคมก็จะดี นี่เป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นจะต้องพยายามดูแลการเมืองให้ดี

 

เมื่อถามว่าตอนนี้คิดว่าการเมืองไหวหรือไม่ นายสมคิด กล่าวปฏิเสธว่า ไม่รู้เหมือนกัน ตนไม่ค่อยถนัดการเมือง

 

เมื่อถามว่านายกฯระบุว่า นายสมคิด พร้อมทุกอย่าง แล้วพร้อมหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า “ผมพร้อมตั้งแต่ปีที่แล้ว”

 

เมื่อถามย้ำว่าพร้อมไปใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า อายุมากแล้ว

 

ส่วนที่ระบุว่าอายุมากแล้ว หมายถึงมีคนแทนแล้วใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า อยู่ที่นายกฯ

เมื่อถามอีกว่าอายุมากแล้วคือถอดใจแล้วใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า “ใจผมถอดมาหลายปีแล้ว”

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร. วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง นายสมคิด กล่าวว่า ไม่ เมื่อถามอีกว่า เหมือนเสร็จนาฆ่าโคถึกหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่หรอก เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ทั้ง 4 คนแถลงชัดเจน พวกเขาร่วมกันก่อตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน วันนี้เรื่องเหล่านั้นได้บรรลุแล้ว เขาก็พร้อมที่จะไปทำหน้าที่อื่น เท่านั้นเอง

 

เมื่อถามว่า แล้วภารกิจของท่านบรรลุแล้วหรือยัง นายสมคิด ย้อนถามว่า “ภารกิจของผมหรอ ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีในตอนนี้”

 

ถามว่าไม่ได้ทำให้เกิดความน้อยใจอะไรใช่หรือไม่ นายสมคิด ไม่ตอบ พร้อมกับเดินขึ้นไปตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อร่วมประชุมคณะปรึกษาฯ