ดาวโจนส์ ปิดพุ่ง 556.79 จุด รับแรงซื้อหุ้นพลังงาน

14 ก.ค. 2563 | 23:54 น.

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,642.59 จุด พุ่งขึ้น 556.79 จุด หรือ +2.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,197.52 จุด เพิ่มขึ้น 42.30 จุด หรือ +1.34% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,488.58 จุด เพิ่มขึ้น 97.73 จุด หรือ +0.94%

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุ รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดรุกซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งถูกกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,642.59 จุด พุ่งขึ้น 556.79 จุด หรือ +2.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,197.52 จุด เพิ่มขึ้น 42.30 จุด หรือ +1.34% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,488.58 จุด เพิ่มขึ้น 97.73 จุด หรือ +0.94%

หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก หลังจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.31% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.45% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 5.85% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.22%

หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 3.69% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ปรับตัวขึ้น 1.40% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.42%

หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ปรับตัวขึ้น 0.57% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.04 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของธุรกรรมเทรดดิ้ง        

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังพุ่งขึ้นหลังจากนางเบรนาร์ดได้กล่าวในการประชุมทางไกลซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐเมื่อคืนนี้ว่า เฟดควรซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันนางเบรนาร์ดเตือนว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจะเผชิญกับอุปสรรค และจำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อไป

ด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ได้แสดงมุมมองในด้านบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคาดว่า อัตราว่างงานมีแนวโน้มลดลงอย่างมากในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2555 โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย.        
 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน