“ปตท.” ชี้โควิด-19 เร่งรถ “อีวี” มาเร็วยิ่งขึ้น

15 ก.ค. 2563 | 00:30 น.

“ปตท.” ชี้โควิด-19 เร่งรถ “EV” มาเร็วยิ่งขึ้น พร้อมเผย ปตท.ต้องเร่งปรับตัวเอาตัวรอดจากวิกฤติ

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลจากการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” (Covid-19) จะทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า หรือ “อีวี” (EV) และแบตเตอรี่รถยนต์จะมาเร็วขึ้น โดยจะเร่งเพิ่มสถานีชาร์ตไฟฟ้าในปั้มน้ำมัน

โดยในระยะสั้น ปตท. จะต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้  โดยจะต้องเอาตัวให้รอด เช่น เข้าไปดูเรื่องสภาพคล่องและการออกหุ้นกู้ ประสานความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ระบบซัพพลายเชนไม่สะดุด ส่วนหลังโควิด-19 จะต้องทำแผนปรับตัวในระยะยาวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และการรปรับโครงสร้างองค์กร

“ปตท.” ชี้โควิด-19 เร่งรถ “อีวี” มาเร็วยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องจับตาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าจะกลับมาระบาดรอบ 2 ในโลกหรือไม่ หากเกิดขึ้นราคาน้ำมันดิบในโลกก็จะลดลงอีกระลอก และติดตามโอเปคจะตกลงลดกำลังการการผลิตน้ำมันได้มากแค่ไหน หากสำเร็จก็จะประคองราคาน้ำมันให้ทรงตัวอยู่ในระดับ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากรุนแรกก็จะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอยจะทำให้ราคาน้ำมันลดต่ำลง ซึ่ง ปตท. ประเมินว่าราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังจะวิ่งอยู่ในระดับ 40 เหรียญสหรั​ฐฯต่อบาร์เรล

ทั้งนี้  ปัจจุบัน ปตท. อยู่ระหว่างการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และต่อยอดไปสู่ปิโตรเคมีที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น ให้โรงกลั่นอยู่ได้ไปอีก 40 ปี โดยในปัจจุบันใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 80% ส่วนโรงกลั่นนอกกลุ่ม ปตท. ใช้กำลังการผลิตประมาณ 70% ขณะที่กลุ่มเอ็กซอนโมบิล ส่วนใหญ่เป็นโรงกลั่นเก่าจะมีต้นทุนสูงใช้กำลังการผลิตอยู่ 60%

นอกจากนี้  ปตท. ยังได้ทบทวนมาตรการจัดเก็บน้ำมันสำรอง และชะลอการสำรองแอลพีจี และใช้บล็อกเชนเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการส่งออกในส่วนของน้ำมันอากาศยาน น้ำมันเรือเดินสมุทร และน้ำมันส่งออก รวมทั้งส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน