พีลา อาปาริซิโอ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข คุณภาพ และนวัตกรรม สังกัดกระทรวงสาธารณสุขสเปน กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า เหตุใดการสูบบุหรี่จึงทำให้ผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้ไวรัสแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นในสถานการณ์ทางสังคมต่างๆ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการสาธารณสุขของสเปน เผยแพร่เอกสารหัวข้อ "สถานะของการบริโภคยาสูบและสารที่กี่ยวข้องระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19" ซึ่งย้ำถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในช่วงที่มีการระบาดใหญ่
อาปาริชิโอ เปิดผยในการสัมภาษณ์พิเศษกับซินหัวเมื่อวันอังคาร (7 กด) ว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ "การสูบบุหรี่ก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพอยู่แล้ว เนื่องจากปอดของเราถูกออกแบบมาเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์"
"เมื่อเราสูดดมสารที่เดินทางตรงไปยังปอด ความเสี่ยงจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ปอดของเราเท่านั้น เพราะสารเหล่านี้เข้าไปในเลือดด้วย และสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงระบบอื่นๆ ในร่างกาย"
การศึกษาหลายชิ้นเผยว่าผู้ที่สูบบุหรี่มีแนวโน้มประสบภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงจากโรคโควิด-19 มากกว่าผู้ที่ไม่สูบ แต่อาปาริชิโอ ย้ำว่านั่นไม่ใช่ภัยคุกคามเพียงประการเดียวจากการสูบบุหรี่ ในห้วงวิกฤติปัจจุบัน "นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ที่สูบบุหรี่เสี่ยงต่อการเผชิญภาวะแทรกซ้อนจากโรคโควิด-19 ร้ายแรงกว่าคนทั่วไปแล้ว เราต้องตระหนักด้วยว่าการสูบบุหรี่ทำให้คุณต้องดึงหน้ากากอนามัยลงและใช้มือสัมผัสริมฝีปาก และเมื่อผ่อนลมหายใจออก คุณได้ปล่อยละอองลอยซึ่งอาจมีเชื้อไวรัสปะปนฝุ่นและเพิ่มแนวโน้มของการแพร่กระจาย"
เจ้าหน้าที่อธิบายว่าสถานการณ์ที่ผู้คนมักสูบบุหรี่ มักเป็นช่วงที่มีการพบปะทางสังคมและบริเวณด้านนอกบาร์ ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนมักไม่เคร่งครัดเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม และนับเป็นอีกปัจจัยที่ควรถูกนำมาพิจารณาเช่นกัน
อาปาริชิโอระบุเพิ่มเติมว่า "เราแนะนำให้เลี่ยงสูบบุหรี่เมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนรวมร่วมกับบุลคลอื่น เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในข้างต้น"