แฟชั่นรองเท้าวูบ บีเอสเอ็นฯ  ปรับแผนรับมือโควิด

11 ก.ค. 2563 | 02:29 น.

“บีเอสเอ็น ฟุตแวร์ฯ” ปรับทัพเบนเข็มโฟกัสออนไลน์ในประเทศ หลังพิษโควิด-19 กระทบหนัก จ่อเปิดตัวแบรนด์รองเท้าหนังแฟชั่นสตรีต.ค.นี้ ก่อนเปิดแผนลดขนาดองค์กรเพิ่มสภาพคล่องการทำงาน

นายกชกร เกียรติสมมารถ กรรมการบริหาร บริษัท บีเอสเอ็น ฟุตแวร์ จำกัด ในเครือบริษัท บาซินี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์รองเท้าหนัง  “ซาราแมนด้า” (Saramanda) จากประเทศ ออสเตรเลีย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าภาพรวมธุรกิจแฟชั่นได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐมีมาตรการล็อกดาวน์ ปิดให้บริการสถานบันเทิง และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทำให้ช่องทางการจำหน่ายหลักของแบรนด์แฟชั่น ที่ส่วนใหญ่เป็นช้อปตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าต้องปิดให้บริการตามไปด้วย ทำให้แต่ละแบรนด์ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในภาวะวิกฤติ

“แม้กำลังซื้อจะชะลอตัวไปบ้างตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือภาพรวมกำลังซื้อจะไม่ตกมากนัก เนื่องจากผู้เล่นแต่ละแบรนด์จะมีการโหมแคมเปญกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง”

กชกร เกียรติสมมารถ

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการทบทวนแผนการดำเนินงานใหม่ทั้งหมด ด้วยการหันมาโฟกัสการทำตลาดในช่องทางออนไลน์ในประเทศมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทมีสัดส่วนยอดขายมาจากการรับจากผลิตและส่งออกไปยังต่างประเทศ 70% และแบรนด์ของบริษัท (รีเทล) 30%

นอกจากนี้ยังเตรียมลดจำนวนสาขาลงราว 50% ให้เหลือราว 20 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 40 สาขา โดยจะโฟกัสการทำตลาดไปยังช่องทางออนไลน์มากขึ้นโดย ทั้งในส่วนของช่องทางหลักของบริษัทเอง และช่องทางออนไลน์ (มาร์เก็ตเพลส) ต่างๆ เพื่อรองรับแนวโน้มความนิยมในช่องทางดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าสินค้าจำพวกรองเท้า จำเป็นต้องมีการทดลองสวมใส่ก่อนการตัดสินใจซื้อ

ดังนั้นบริษัทจึงจะยังให้ความสำคัญกับช่องทางหน้าร้านควบคู่กันไปด้วยการจำหน่ายรองเท้าในกลุ่มพรีเมี่ยม ขณะที่ช่องทางออนไลน์จะเป็นรองเท้าในกลุ่มทั่วไปและแฟชั่นที่มีการตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า พร้อมกันนี้ยังมีแผนเปิดตัวแบรนด์รองเท้าหนังแฟชั่นสำหรับผู้หญิงออกมาทำตลาดในช่วงเดือน ต.ค ที่จะถึงนี้ เน้นเจาะกลุ่มตลาดกลาง-ล่าง ระดับราคาไม่เกิน 1,000 บาท นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนในการลดขนาด องค์กร (ดาวไซซ์) เพื่อให้เกิดสภาพคล่องและมีความคล่องตัวในด้านการทำงานมากขึ้น

“เดิมที่เรามีแผนทำการตลาดออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบอยู่แล้ว แต่ทว่าการเข้ามาของโควิด 19 ทำให้แผนงานดังกล่าวถูกเร่งพิจารณาให้เร็วมากขึ้น เพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้า แนวโน้มตลาด และการแข่งขันหลังจากนี้ ซึ่งหลังจากที่มีการนำร่องจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์ไปตลอดช่วงที่ผ่านมาพบว่ายอดขายเติบโตในช่องทางดังกล่าวกว่า 100%”

อย่างไรก็ตามตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันบริษัทสามารถสร้างยอดขายทดแทนส่วนที่หายไปได้แล้ว 70% ซึ่งในส่วนของยอดขายบริษัทในสิ้นปียังไม่สามารถประเมินการเติบโตได้เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์ในการระบาดระลอก 2 ว่าจะมีตามมาหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากประเมิน 

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,590 วันที่ 9 - 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563