ดิจิทาซ - แฮนด์อัพ ผลักดัน SMEs ฝ่าวิกฤติ

04 ก.ค. 2563 | 06:05 น.

ดิจิทาซ ประเทศไทย และ แฮนด์อัพ เน็ทเวิร์ค จัดตั้งโครงการ “มือดี SME ดัง” ส่งต่อความรู้ด้านสื่อสารการตลาดดิจิทัล 12 ทีม SmEs ผู้เข้ารอบ หวังผลักดันให้รอดพ้นจากวิกฤติโควิด เพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้ในยุค New Normal

นายอังกูร ไชยปรีชาวิทย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แฮนด์อัพ เน็ทเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า HandUp Volunteer คือแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นโดยมีภารกิจหลักเพื่อช่วยจับคู่ผู้เชี่ยวชาญทางภาคธุรกิจที่มีความสามารถเฉพาะทางและอยากช่วยเหลือสังคม เข้ากับองค์กรที่มีเป้าหมายด้านสังคมต่าง ๆ อาทิ มูลนิธิ และธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อช่วยองค์กรเหล่านั้นแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ยังเป็นคอขวดในองค์กรเอง อาทิ ปัญหาการเงิน การบริหารจัดการบุคคล การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาประสิทธิภาพโครงการ เทคโนโลยี และการตลาด

 

ในช่วงนี้ เราเห็นว่าวิกฤติโควิดกำลังส่งผลกระทบรุนแรงกับธุรกิจในประเทศไทยเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะธุรกิจ SME และพวกเขาต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน เราจึงอยากนำโมเดลของเรามาปรับใช้เพื่อช่วยเหลือธุรกิจเหล่านี้ให้ผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้ ครั้งนี้เราเลือกจับมือกับ ดิจิทาซ ประเทศไทย ซึ่งเป็นดิจิทัล เอเจนซี่ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการตลาดดิจิทัล ที่ได้มาช่วยออกแบบโครงการและให้คำปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัล

ดิจิทาซ -  แฮนด์อัพ ผลักดัน SMEs ฝ่าวิกฤติ

โครงการนี้มีชื่อว่า “มือดี SME ดัง” มีจุดประสงค์เพื่อช่วยธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดได้มีการปรับตัวเพื่อให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยจะมีการคัดเลือกธุรกิจที่จะมาเป็นโจทย์ให้กับโครงการ โดยจะคัดเลือกธุรกิจSME ที่เสนอแผนที่น่าสนใจโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งธุรกิจที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับความช่วยเหลือเป็น 3 ส่วนได้แก่การช่วยวางกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Digital Marketing Strategy), การแก้ปัญหาการตลาดอย่างสร้างสรรค์ (Creative Solution Initiative), และการทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนนั้นสามารถบรรลุวัตถุประสงค์และถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด (Optimized ROI) ซึ่งเวลาในการทำงานของแต่ละส่วนจะมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจ ซึ่งระยะเวลารวมของธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการจะอยู่ที่ประมาณ 8 สัปดาห์

 

นายภารุจ ดาวราย กรรมการผู้จัดการ ดิจิทาซ ประเทศไทย ดิจิทัลเอเจนซี่ในเครือ ปับลิซีส กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่าในฐานะดิจิทัล เอเจนซี่ที่มีประสบการณ์ในการกำหนดกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลให้กับแบรนด์ระดับโลกมาแล้วมากมายผมมีความรู้สึกดีใจและภูมิใจที่สุดที่ได้มาร่วมทำงานกับ HandUp Volunteer เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือธุรกิจSME ไทยให้ดำเนินต่อไปได้ในช่วงวิกฤตินี้

 

ในช่วงที่ผ่านมา การใช้อินเตอร์เน็ตของคนไทยในช่วงวิกฤติโควิดเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้สื่อออนไลน์มีความสำคัญมากขึ้นแบบก้าวกระโดด จึงมีผลให้การตลาดดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากกว่าที่เคยเป็น และเมื่อวิถีชีวิตคนเปลี่ยน แบรนด์ก็ต้องสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทัน และไม่เพียงแต่ต้องหา Right Touchpoint เพื่อนำพาสินค้าและบริการไปถึงมือผู้บริโภคให้เร็วที่สุด อีกทั้งยังต้องส่ง Right Message และ Right Moment เพื่อโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าและบริการของเรา และต้องสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภคผ่านการสัมผัสแบรนด์ (Brand experience) ในTouchpoint ที่เปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตของพวกเขา

 

 อีกทั้งแบรนด์ควรจะให้ความสำคัญกับการสร้าง Connected Experience มากกว่าที่เคย เพราะสิ่งนี้คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ยืนอยู่ได้ยาว ไม่เพียงเท่านั้น แบรนด์ยังควรคิดถึงการเชื่อมโยงช่องทางที่หลากหลายเข้าด้วยกัน หรือที่เรียกว่า Omni Channel เพื่อลดขั้นตอนความยุ่งยากให้กับลูกค้าให้มากที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาลูกค้าที่มีอยู่ทำให้พวกเขากลับมาหาแบรนด์เพื่อซื้อซ้ำ

 

นายอังกูร กล่าวสรุปว่า การร่วมกันทำโครงการที่มีความหมาย จะสร้างประโยชน์ให้กับวงการธุรกิจ SMEs ไทย และเชื่อว่าความเชี่ยวชาญของดิจิทาซจะช่วยทำให้ SMEs ไทยที่เข้าร่วมโครงการปรับตัวได้ทันท่วงที สามารถนำ Creative Solution มาช่วยผลักดันธุรกิจ SMEs ให้เดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งยังจะเป็นแบบอย่างให้ SMEs รายอื่น ๆ ในการดำเนินธุรกิจในช่วงวิกฤตินี้ไปได้

ล่าสุด ทางโครงการ “มือดี SME ดัง” ได้เปิดตัวทีมผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้ารอบ 12 ทีม จากทั้งหมด 140 ทีม ได้แก่ทีม CastleC - Castle of Cosmetics, ทีมบริษัท สวนผึ้งหวาน จำกัด (แบรนด์บ้านมะขาม), ทีม Refill Station, ทีมฟาร์มรพีพัฒน์, ทีม TS Paper Straws, ทีม Trust Me I'm Chef, ทีม Eureka, ทีม Rest and Wellness Group Co., Ltd., ทีมทีพีแพคเกจจิ้ง, ทีม Dew.wedding, ทีม HiveSters, และ ทีมโอ๊คลิน (ประเทศไทย) จำกัด  และทางโครงการฯ จะประกาศผู้ชนะเลิศ 3 ทีมสุดท้ายในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563