STGT เทรดวันแรก เหนือจอง 62.5%

02 ก.ค. 2563 | 03:55 น.

STGT ไอพีโอตัวแรกครึ่งปีหลัง ปี 2563 เปิดเทรดหลังไวรัสโควิด-19 ซาที่ 55.25 บวก 21.25 บาท หรือ 62.50% จากราคาไอพีโอ 34 บาท ก่อนวิ่งไปสูงสุดที่ 60.25 บาท

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การเปิดซื้อขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (STGT) เปิดซื้อขายวันแรกที่ 55.25 บาท เพิ่มขึ้น 21.25 บาท หรือ 62.50% ก่อนปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 60.25 บาท เพิ่มขึ้น 26.25 บาท หรือ 77.20% และ ณ เวลา 10.53 น. อยู่ที่ 57.25 บาท เพิ่มขึ้น 23.25 บาท หรือ 68.38% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 10,519.55 ล้านบาท โดย STGT ถือเป็นหุ้นไอพีโอรายแรกของครึ่งปีหลัง ปี 2563 และรายแรกหลังจากที่มีการชะลอขายไอพีโอของแต่ละบริษัท เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยให้มีความผันผวน

อย่างไรก็ตาม STGT ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางสำหรับใช้ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ มีทั้งถุงมือธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ โดยบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ32,619 ล้านชิ้นต่อปี ทั้งนี้ STGT เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (STA) ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างโดยการควบรวมบริษัทในกลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยาง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ

ทั้งนี้ STGT มีทุนชำระแล้ว 1,428.78 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 438.78 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน เสนอขายให้บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนรายย่อย ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้มีอุปการคุณของบริษัทจำนวน 432.78 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของ STA และบริษัทย่อยของ STA จำนวน 2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 34 บาท และเสนอขายกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของ STGT และบริษัทย่อยของ STGT จำนวน 4 ล้านหุ้น ในราคา 30.60 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 14,904.92 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 48,578.52 ล้านบาท

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้  จะช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ พร้อมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน และต่อยอดโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนไปขยายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2567 และ 100,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2575 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่ม STA และครอบครัวสินเจริญกุล ถือหุ้น 66.1%, นางสาวพูนสุข เชิดเกียรติกำจาย ถือหุ้น 2.3% และกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัทฯ และ STA ถือหุ้น 0.8% โดย STGT มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ

STGT เทรดวันแรก เหนือจอง 62.5%