EP ควัก 90 ล้านบาท ลงทุนโรงไฟฟ้า Co-Gen

01 ก.ค. 2563 | 08:57 น.

“EP” ส่ง "ETP" ซื้อหุ้น "APEX" 4.7 ล้านหุ้น รวม 90 ล้านบาท ลงทุนผลิตไฟฟ้าระบบ Co-Gen คาดสร้างรายได้ปีละ 3,000 ล้านบาท พร้อมย้ายเทรดกลุ่มพลังงานวันที่ 1 ก.ค.นี้

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP)  เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทย่อยของ EP ได้แก่ บริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (EPT) ได้ซื้อหุ้นของ บริษัท เอเพ็กซ์ เอ็นเนอยี่ โซลูชั่น จำกัด (APEX) จำนวน  4,754,398 หุ้น มูลค่าเงินลงทุน 90 ล้านบาท โดยการเข้าทำรายการซื้อหุ้นดังกล่าวในครั้งนี้ ทำให้บริษัทถือหุ้นทางอ้อมใน บริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) 50.7 % และเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) จากเดิม 40% เป็น 40.96%

สำหรับ ETP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 75.00% เข้าซื้อหุ้นสามัญทางตรง จำนวน 4,754,398 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 18.9298 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 90,000,000.00 บาท ในสัดส่วน 18.75% ของ APEX เพื่อให้ได้มาซึ่งหุ้นทางอ้อมใน บริษัท แทค เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (TAC) จำนวน 477,600 หุ้น คิดเป็น 2.40%  เพื่อให้ได้มาซึ่งการถือหุ้นทางอ้อมใน PPTC จำนวน 178,080 หุ้น คิดเป็น 1.20% และเพื่อให้ได้มาซึ่งการถือหุ้นทางอ้อมใน SSUT จำนวน 280,224 หุ้น คิดเป็น 0.96% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

ทั้งนี้ PPTC ดำเนินการผลิตไฟฟ้าระบบ Co-Gen ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ 120  เมกะวัตต์ และไอน้ำ 30 ตัน ปัจจุบันขายไฟฟ้าครบกำลังการผลิต 100% ซึ่งมีการประมาณการรายได้เฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ (ไม่รวมกำไร / ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน) ประมาณ 10%ของรายได้ ส่วน SSUT มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 240 เมกกะวัตต์ และไอน้ำ 60 ตันในนิคมอุตสาหกรรมบางปู

"การเข้าลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในไทย และจะช่วยสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโรคไวรัสโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,103.73 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตสูงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต"

ขณะเดียวกัน ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 จะนำหุ้น EP ย้ายจากกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไปซื้อขายในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสถาบัน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคง รวมถึงมีค่าพีอีเรโชต่ำกว่า หุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน