กาชื่อ‘นักวิ่ง’เอาไว้ แล้วมารอดูกัน วันปรับครม.

01 ก.ค. 2563 | 06:00 น.

ถ้าไม่เขียนประเด็นการเมือง ไม่แตะเรื่องปรับครม.ช่วงนี้ คงจะเหมือนตกขบวนของกระแสที่มาแรงเหลือเกิน ภายหลังจาก “พรรคพลังประชารัฐ” ปรับทัพครั้งใหญ่  ภายใต้ 27 กรรมการบริหาร กับการนำพา ของหัวหน้าคนใหม่ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”

 

ต้องบอกว่าการปรับเปลี่ยนรอบนี้ของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เสียงข้างมากในสภามีหลายจุดน่าสนใจ  มิติหนึ่งก็ทำให้บรรยากาศการเมืองกลับมาคึกคัก อีกมิติหนึ่งก็ต้องยอมรับโดยอาศัยข้อมูลจาก “วงใน” ว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปท่ามกลางความเหนื่อยหน่ายใจของ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กำลังเดินหน้าฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤติโควิด 

 

ที่ความจริงแล้ว บิ๊กตู่ แทบจะไม่อยากเอ่ยปากตอบคำถามเรื่องการเมืองเลยด้วยซํ้า 

 

แต่มีบางวันก็อดใจไม่ไหว ต้องแสดงออกมาให้เห็นบ้างถึงความเบื่อด้วยการหยุดดราม่าการเมือง แล้วเอ่ยขอแรงช่วยกันฟื้นฟูและแก้ปัญหาโควิดก่อนจะได้หรือไม่

 

ย้อนไปเมื่อ 9 มิ.ย. 63 มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดตอนท้ายของการประชุมครม. ยืนยัน จะไม่มีการปรับครม.ในตอนนี้ ทั้งในพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้รัฐมนตรีทุกพรรคไปทำความเข้าใจกับสมาชิกได้ จะไม่มีการปรับเปลี่ยนใครทั้งสิ้นในขณะนี้ 

 

“ขอให้คนที่ทำงาน ตั้งใจทำงานต่อไปให้ดี ทำงานในความรับผิดชอบต่อไปให้เต็มที่ การตัดสินปรับครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีคนเดียว “ใครมีอะไรไหม” 

 

ซึ่งเป็นการระเบิดอารมณ์แบบนิ่มๆ ก่อนที่จะไม่มีใครเอ่ยปากอะไรต่อจากนั้น

 

 

 

หลังจากนั้นในวันเดียวกัน นายกฯลุงตู่ ลงมาแถลงข่าวที่ใต้ตึกบัญชาการ 1 บอกว่า หลายวันนี้ได้ติดตามดูซึ่งก็มีข่าวกันทุกวัน ขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมืองดำเนินการไป ในส่วนของการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี จะรู้เองว่าควรจะพิจารณาเมื่อไหร่ อย่างไร แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ 

 

“เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องเสนอตัวกันมาเยอะแยะในขณะนี้ พรรคร่วมก็เป็นเรื่องของพรรคร่วม ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็มีหลายพรรค เพราะฉะนั้นใครจะเป็นหรือไม่เป็นผมยังไม่ได้คิดซักอย่าง วันนี้ขอทำงานไปก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเลิกและงดเสนอข่าวพวกนี้ได้แล้ว มันเหมือนดราม่า มันเหมือนละครสักเรื่องหนึ่ง ก็เหมือนดูละคร ก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเหมือนกัน”

 

และมีอีกวัน 22 มิ.ย. บิ๊กตู่ บอกว่า ความเปลี่ยน แปลงของฝ่ายการเมืองเป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารในแต่ละพรรค ซึ่งการคัดเลือกตัวแทนพรรคมาเป็นรัฐมนตรีจึงนำมาเกี่ยวข้องกันไม่ได้ พร้อมกับยํ้าว่าเคารพในสัดส่วนของพรรค “แต่บางส่วนผมเองจำเป็นต้องบริหารเอง อย่านำเรื่องนี้มากดดันกัน หากวันนี้นำทุกอย่างที่แต่ละคนเสนอเข้ามาก็มีสัดส่วนรัฐมนตรีเกินกว่ากำหนดแล้ว”

 

 

นี่เป็นเพียงสัญญาณบางส่วนในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คน “วงในบิ๊กตู่” บอกว่า มุมหนึ่งนายกฯก็เดินหน้าแก้ปัญหาโควิดและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ประเทศ จึงพึ่งทีมศบค.เป็นหลัก อีกมุมหนึ่งก็ต้องคอยมานั่งปวดหัวรับรู้เรื่องดราม่าการเมืองที่กดดันให้ตัดสินใจปรับครม. หนำซํ้าคนที่มากดดันก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน ก็คนกันเองทั้งนั้น

 

แต่เอาเป็นว่า ทุกชื่อที่มีข่าวอยู่ในดราม่าการเมืองและปล่อยข่าวปรับครม. ถูกลุงตู่กาหัวจดชื่อเอาไว้แล้ว แล้วมารอดูกันอีกทีว่า “นักวิ่ง” ทั้งหลาย จะมีอยู่ชื่อไหม ถ้ามีปรับครม. 

 

คอลัมน์อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,588 หน้า 10 วันที่ 2 - 4 กรกฎาคม 2563