คาดยอดขายโฆษณา "เฟซบุ๊ก" ชะลอแรง หลังถูกรุมแบนโฆษณา

29 มิ.ย. 2563 | 03:47 น.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขายโฆษณา บน เฟซบุ๊ก จะขยายตัวเพียง 1% ในไตรมาสสอง และเพิ่มขึ้นเป็น 7% ในไตรมาสสามของปีนี้ ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตรา “น้อยที่สุด” นับตั้งแต่ที่เฟซบุ๊กเปิดขายหุ้นเป็นต้นมา 

 

แนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เฟซบุ๊กถูกบริษัทรายใหญ่ๆ ประกาศ “แบน” หรือ ระงับการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก นั่นเอง เพื่อประท้วงกรณีที่เฟซบุ๊กไม่ได้ดำเนินการมากพอกับการสกัดกั้นการโพสต์ข้อความที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังบนเฟซบุ๊ก โดยบริษัทชั้นนำอย่าง ยูนิลีเวอร์ เวริซอน และเบ็นแอนด์เจอร์รีส์ ได้ประกาศว่า บริษัทจะยุติการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก อันเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ที่เรียกว่า "Stop Hate for Profit" ซึ่งมีอีกหลายบริษัทจ่อคิวร่วมด้วย อาทิ ฮอนด้า มอเตอร์ และเฮอร์ชีย์

 

ราคาหุ้นของเฟซบุ๊กตกลง 8.3% ทันทีที่ยักษ์ใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์ออกข่าวร่วมบอยคอตการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก ทำให้มูลค่าของหุ้นเฟซบุ๊กตามราคาตลาดหายวูบไปถึง 56,000 ล้านดอลลาร์

มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟซบุ๊ก

ขณะเดียวกัน บริษัท โคคา-โคล่า ก็ได้ประกาศว่า จะระงับการโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊ก เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน โดยชี้แจงว่า บริษัทไม่ได้เข้าร่วมการบอยคอตเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นเพียงการยุติโฆษณาของโคคา-โคล่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรเฟซบุ๊ก หลังการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสี เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และได้เรียกร้องให้เฟซบุ๊กดำเนินการมากขึ้นเพื่อยับยั้งการโพสต์ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง และข้อมูลที่ไม่ถูกต้องบนแพลตฟอร์ม

 

นอกจากนี้ ยอดขายโฆษณาบนเฟซบุ๊กยังได้รับปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย

         

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้คว่ำบาตรการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก ทำให้ล่าสุดนายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเฟซบุ๊ก ต้องออกมาประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เฟซบุ๊กจะเริ่มติดแถบเตือนโพสต์ที่ก่อให้เกิดความโกรธเคืองที่มาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และนักการเมืองรายอื่น ๆ

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการขยับตัวของเฟซบุ๊กจะช้าเกินไปหลังจากที่ทั้งรายได้จากโฆษณาและราคาหุ้นบริษัท รวมทั้งภาพลักษณ์ของบริษัทในแง่การยืนเคียงข้างกับความยุติธรรมในสังคม ได้หล่นวูบลงไปแล้ว  

ข้อมูลอ้างอิง