GULF จับอะไรก็รวย

27 มิ.ย. 2563 | 03:35 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3587 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. – 1 ก.ค.63 By…เจ๊เมาธ์

GULF

จับอะไรก็รวย!!!

 

     >> สถานการณ์การระบาดรอบที่ 2 ของโรคโควิด-19 ดูเหมือนว่าจะรุนแรงกว่าที่คาดกันเอาไว้ ดูตัวอย่างที่สหรัฐอเมริกาที่บอกเสียงแข็งว่าจะไม่มีทางยอมให้มีการปิดประเทศอีกแล้ว แต่พอจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มขยับขึ้นเป็นมากกว่า 3.5 หมื่นคนต่อวัน ตอนนี้ก็เริ่มมีเสียงแว่วๆ ว่าอาจจะพิจารณาปิดบ้างในบางจุดเสี่ยงกันแล้วนะคะ ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ก็ได้ประกาศมาตรการเรื่องขอให้ธนาคารพาณิชย์งดการจ่ายเพิ่มเงินปันผลเกินระดับที่เคยจ่าย รวมถึงการซื้อหุ้นคืนในไตรมาสที่ 3 ด้วยเหตุผลเดียวกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ห้ามธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทยนั่นหละค่ะ

     >> อีกเรื่องที่ทำให้ตลาดหุ้นเป็นกังวลมากก็คือเรื่องประมาณการตัวเลข GDP ของประเทศไทยที่ถูกลดลงจาก -5.3% ลงมาเป็น 8.1% เห็นตัวเลขห่างกันไม่มากแบบนี้ แต่บอกได้เลยว่าระดับของความรุนแรงนี่แตกต่างกันมหาศาลเลยเชียวนะคะ...เพราะตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง GDP ของประเทศก็ติดลบเพียงแค่ -7.6% เท่านั้นเองค่ะ

     >> สุดท้ายก็คือเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกินไป...เนื่องจากในเวลานี้เราต้องการแข่งขันเรื่องการส่งออกและดึงดูดเงินทุนของต่างชาติเข้ามา ซึ่งค่าเงินบาทที่แข็งค่าถึงจะมีส่วนดีในบางอย่าง...แต่โดยรวมแล้วตอนนี้ค่าเงินต้องเป็นไปในทิศทางที่ต้องการให้เงินบาทอ่อนค่าจึงจะผลดีกับเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าค่ะ

     >> ส่วนหุ้นโรงไฟฟ้าตัวเก่งอย่าง GULF ของเสี่ยกลาง “สารัชถ์ รัตนาวะดี” อยู่ๆ โผล่ขึ้นมาหลังจากที่เงียบหายไปนาน รอบนี้ได้ข่าวว่าเตรียมตัวมาดันแบบเต็มตัวเชียวหละค่า เพราะไม่ว่าจะเป็นสตอรี่ หรือเรื่องกำไรจากผลการดำเนินงาน...หรือจะเป็นเรื่องโครงการในอนาคต “เสี่ยกลาง” ก็พร้อมที่จะนำเสนอทุกอย่าง...ยิ่งช่วงนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าก็เป็นโอกาสที่จะได้แก้มือจากการขาดทุน จนพลิกกลับมามีกำไร เพราะอัตราแลกเปลี่ยนร่วมกับกำไรจากผลการดำเนินงานปกติด้วยค่ะ ล่าสุด GULF ดอดเข้าไปถือหุ้น INTUCH 147 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.59% ขึ้นแท่น ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 เชียวนะคะ อ้อ...เจ๊เมาธ์ แถมให้อีกนิดว่า บล.เคจีไอ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ในราคาเป้าพื้นฐาน  41 บาท เชียวนะคะ และถ้าหากว่าสามารถข้ามแนวต้าน 40 บาทไปได้ แน่นอนว่า GULF ก็มีสิทธิ์ที่จะมองไปได้ไกลกว่านี้อีกค่ะ

     >> INSET ของเสี่ย “ศักดิ์บวร พุกกะณะสุต” ในช่วงครึ่งปีหลังมีงานโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนในโครงข่าย 5G โดยมี Backlog เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดเซ็นสัญญารับงานใหม่จากกลุ่มงานสร้าง Data Center ที่มีความเชี่ยวชาญเพิ่ม Backlog เป็น 2.3-2.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้หน่วยงานภาครัฐ...ภาคเอกชนหันมาให้ความสำคัญกับระบบ ICT เบื้องต้นคาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนรวมหลายแสนล้านบาท ซึ่ง INSET ในฐานะบริษัทที่เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการประมูล 5G กลายเป็นหุ้นร้อนที่ได้รับความสนใจจนราคาหุ้นขยับขึ้นมาอย่างโดเด่น โดย บล.เอเซีย พลัส ได้แนะนำ “ซื้อ” INSET ที่ราคาเป้าหมาย 4.18 บาท เผื่อใครสนใจ...หุ้น ICT ราคาตํ่า P/E ดี ๆ แบบนี้ไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อย ๆ นะคะ เจ๊เมาธ์ก็เลยเอามาฝากค่า

     >> เจ๊เมาธ์สังเกตเห็นราคาหุ้นของ JMT ขยับตัวแปลกๆ จนสืบได้ข้อมูลมาว่า บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JMT ด้วยราคาเป้าหมาย 24.10 บาท/หุ้น โดยเหตุว่าถึงแม้จะเผชิญหน้าอยู่กับปัญหาเรื่องผลกระทบของโควิด-19 ที่อาจส่งผลให้ผลการดำเนินงาน 2/63 แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายและมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ส่งผลให้ JMT สามารถจัดเก็บหนี้ได้มากขึ้น โดยคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 3/63 ทั้งนี้ข้อมูลจากแบงก์ชาติที่ระบุว่า จบไตรมาส 1 หนี้เสียในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยสูงถึง 4.96 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ถึง 2.98% เป็นโอกาสให้หุ้นทวงหนี้จะได้ซื้อของดีราคาถูก ซึ่งช่วงครึ่งปีแรก JMT สามารถซื้อหนี้ไปแล้วราว 5 พันล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการซื้ออีก 5 พันล้านบาท เอาเป็นว่าถ้าสนใจก็ตามอัธยาศัยนะคะ เจ๊เมาธ์เก็บเอามาให้ดูเป็นข้อมูลค่ะ

     >> ช่วงนี้ดูเหมือนว่า CPF จะมีข่าวดีไม่ว่าจะเป็นได้ออเดอร์หมูเพิ่ม เพราะจีนระงับการนำเข้าหมูจากเยอรมัน เพราะพบพนักงานในฟาร์มติดเชื้อโควิต-19 หรือได้ออเดอร์ไก่เพิ่มขึ้น เพราะจีนระงับนำเข้าสัตว์ปีกจากอเมริกา เพราะพนักงานในฟาร์มติดเชื้อโควิต-19 ล่าสุด บล.ทิสโก้ แนะนำให้ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมาย 40 บาท จากราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/63 จะเพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่ลดลงและราคาหมูที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การซื้อกิจการของ Hylife ในช่วงไตรมาส 1/63 จะเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการให้เพิ่มขึ้น ดูแล้วก็มีแต่ข่าวดีๆ แต่จนแล้วจนรอดราคาหุ้นของ CPF ก็ยังไม่ค่อยจะไปไหนเพราะเงินบาทไทยที่ค่อนข้างจะแข็งค่า แต่ถ้าชอบก็ไม่ว่ากันนะคะ...ยังไงหุ้นปัจจัย 4 ก็ดีอยู่แล้วค่า