โควิดกระทบหนักธุรกิจเมียนมา 1 ใน 3 ปิดกิจการชั่วคราว

25 มิ.ย. 2563 | 12:33 น.

โควิด-19 กระทบธุรกิจ 1 ใน 3 ของเมียนมาต้องปิดกิจการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และจากลูกค้ามีจำนวนลดลง ยอดขายวูบ ต้องเลิกจ้าง 16% ของแรงงานทั้งหมด

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต./ทูตพาณิชย์) ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐเมียนมา รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากรายงานของมูลนิธิเอเชีย (Asia Foundation) ว่า ธุรกิจในเมียนมาจำนวนเกือบ 1 ใน 3 ต้องปิดกิจการชั่วคราว เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ส่วนใหญ่มีรายได้ลดลง

จากผลสำรวจบริษัทท้องถิ่น 750 บริษัท ทั่วประเทศเมียนมาในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ (27 เม.ย.- 10 พ.ค.2563) พบว่าในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีธุรกิจที่ปิดกิจการชั่วคราว 29% ในขณะที่ธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการอยู่มียอดขายลดลงกว่า 92% ของทั้งหมด โดยมีธุรกิจที่มียอดขายลดลงมากกว่า ครึ่งหนึ่งจากยอดขายเดิมกว่า 74% ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการปรับลดการดำเนินกิจการหรือปิดกิจการชั่วคราวคือ เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และลูกค้ามีจำนวนลดลง

โควิดกระทบหนักธุรกิจเมียนมา 1 ใน 3 ปิดกิจการชั่วคราว

 

นอกจากนี้จากการสำรวจยังพบว่า ธุรกิจในเมียนมาได้มีการเลิกจ้างพนักงานออกโดยเฉลี่ย 16% ของแรงงานทั้งหมดในช่วงวิกฤติโควิด-19 โดยมูลนิธิเอเชียได้เน้นย้ำว่า ธุรกิจเกือบ 64% อาจจะมีปัญหากระแสเงินสด ซึ่งส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของธุรกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขสัดส่วนบริษัทที่เข้าถึงแผนเงินกู้ช่วยเหลือ ฉุกเฉินของรัฐบาล ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจจำนวนมากกู้ยืมจากสถาบันการเงินรายย่อย (Microfinance) แทน และสุดท้ายแล้วภาคธุรกิจจะขาดกระแสเงินสดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาสู่สภาวะปกติได้เร็วแค่ไหน

โควิดกระทบหนักธุรกิจเมียนมา 1 ใน 3 ปิดกิจการชั่วคราว

อนึ่ง แผนบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือ The COVID-19 Economic Relief Plan ซึ่งรัฐบาลเมียนมาได้ประกาศในช่วงปลายเดือนเมษายน 2563 นั้นได้ระบุแนวทางเพื่อช่วยเหลือธุรกิจ แต่ธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงนโยบายเหล่านั้น โดยมาตรการที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือสินเชื่อฉุกเฉิน แต่ยังมีนักธุรกิจที่ไม่ทราบถึงมาตรการดังกล่าว 67% ในขณะนโยบายซึ่งเป็นที่รู้จักน้อยที่สุดคือการลดภาษีรายได้จากการส่งออก ซึ่งมีนักธุรกิจยังไม่ทราบถึงนโยบาย อยู่ถึง 92%