มีการประเมินกันว่า บ้านชานเมืองเข้ามาแทนที่ คอนโดมิเนียมกลางเมืองเป็นที่เรียบร้อย จากการมาของโควิด-19 สะท้อนได้จากคนให้ความสนใจเข้าซื้อโครงการ ย่านชานเมืองมากขึ้น เพราะความตื่นกลัวโรคระบาด ขยาดใช้พื้นที่ร่วมกัน แบบคอนโดฯ จึงไม่แปลกที่ว่าบ้านแนวราบจะกลับมาเนื้อหอมอีกครั้ง
นายสุธรรม สุวรรณนภาศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยว่า อสังหาฯแนวราบในปีนี้ ยังมีโอกาสเติบโต แม้ตัวเลขจะไม่หวือหวานักแต่เชื่อมั่นว่าจะไม่ติดลบอย่างแน่นอน ขณะที่อสังหาฯแนวสูง นักวิเคราะห์หลายรายก็มองไปในทิศทางเดียวกันว่า มีโอกาสติดลบสูงถึง 40% เนื่องจาก มาตรการรักษาระยะห่างทำให้การใช้พื้นที่ส่วนกลางของคอนโดยากขึ้น ผู้อยู่อาศัยต้องถูกจำกัดอยู่ในห้องส่วนตัว ซึ่งน่าจะส่งผลต่อมุมมองการเลือกที่อยู่อาศัยแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งการปรับตัวของผู้บริโภคนี้เอง น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีสายป่านสั้น กระแสเงินสดไม่สะพัด อาจเป็นโอกาสที่ธุรกิจอาจจะปิดตัวลงจากสถานการณ์นี้ได้
นอกจากนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ทำให้เกิดมาตรการรักษาระยะห่างระหว่างกัน น่าจะส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์แนวราบได้รับอานิสงค์ดังกล่าว เชื่อว่าผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยหลังใหม่ น่าจะมองบ้านแนวราบเป็นทางเลือกมากขึ้น เนื่องจากราคาบ้านแนวราบเขตชานเมืองในปัจจุบันนั้นมีราคาที่ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับคอนโดใจกลางกรุง แต่ยังคงเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างสะดวก ทำให้บ้านแนวราบกำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้
ส่วนมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ภาครัฐอนุมัติผ่อนปรน 90% นั้น มองว่ามีผลทางจิตวิทยา ไม่มีผลในการช่วยตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนมากนัก สิ่งที่จะกระตุ้นการตัดสินใจได้มาก น่าจะเป็นการยกเลิกมาตรการ LTV โดยเฉพาะกับโครงการแนวราบ เนื่องจากอสังหาฯแนวราบส่วนใหญ่ ผู้อยู่อาศัยเป็นเรียลดีมานต์ ไม่ได้ซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือปล่อยเช่าเหมือนโครงการแนวสูงในเมือง