“ศรีสุวรรณ”ข้องใจใช้มูลนิธิป่ารอยต่อฯเชิญ“บิ๊กป้อม”นั่งผู้นำพปชร.

23 มิ.ย. 2563 | 12:12 น.

“ศรีสุวรรณ”ข้องใจ “บิ๊กป้อม”ใช้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เจรจาการเมืองเชิญนั่งหัวหน้าพรรคเข้าข่ายผิดก.ม.หรือไม่ เรียกร้อง “มท.-ป.ป.ช.”ตรวจสอบ ด้าน "ไพบูลย์"ยันไม่ผิด หากใครฟ้องก็มาฟ้องตนเองด้วย

วันที่ 23 มิ.ย.63 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คนสำคัญ อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายอนุชา นาคาศัย นายสุชาติ ชมกลิ่น นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นต้น ได้รวมตัวกันเดินทางไปเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร ให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค โดยใช้อาคารสำนักงานและห้องประชุมของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ทางด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมี พล.อ.ประวิตร เป็นประธานมูลนิธินั้น

 

แต่กลับมีการใช้สถานที่ของมูลนิธิฯ มาเจรจาความและดำเนินกิจกรรมทางการเมืองดังกล่าว และหลายต่อหลายครั้งในการใช้สถานที่ดังกล่าวเจรจาความทางการเมืองหรือกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งตกเป็นข่าวในสื่อสารมวลชนมาอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นที่สงสัยว่าเป็นการขัดต่อข้อบังคับของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในข้อที่ 2.7 ว่าด้วยวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ที่กำหนดว่า “ไม่ดําเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ประการใด” ตามที่นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร (ปลัดกระทรวงมหาดไทย) ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 28 ก.พ.59 หรือไม่

 

อีกทั้งสํานักงานของมูลนิธิ ตั้งอยู่ ณ บ้านพักสวัสดิการ ทบ. ใน ร.1 รอ. พหลโยธินซอย 8 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ของกองทัพ เป็นพื้นที่ของทางราชการทหาร เป็นการขัดหรือแย้งต่อ พรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 และฉบับที่ 3 และเข้าข่ายความผิดตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยประมวลจริยธรรม 2551 ข้อ 5.5 ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยหรือไม่

 

กรณีดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอเรียกร้องไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิตามกฎหมาย และ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับที่ห้ามเกี่ยวข้องกับการเมืองและผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมหรือไม่ เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานของมูลนิธิต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงบรรยากาศที่แกนนำของพรรคไปเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร เพื่อเสนอนั่งหัวหน้าพรรคว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเป็นการเข้าไปขอเข้าพบ เพื่อขอร้องให้ พล.อ.ประวิตร มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะ พล.อ.ประวิตร เป็นเสาหลักของพรรค เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพและทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น ซึ่งการไปขอร้องนั้น แกนนำก็พากันไป ในที่ที่ พล.อ.ประวิตร สะดวก

 

ส่วนตัวขอยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าพรรคจริงๆ เลย แต่ด้วยเหตุผลต่างๆ จึงต้องยอมรับตำแหน่ง และทุกคนในพรรคก็มีความต้องการที่อยากจะให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็น

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานที่ที่ไปกันนั้นใช่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ผู้สื่อข่าวนั้นทราบอยู่แล้ว โดยเข้าไปใช้เวลาไม่นาน

 

 ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จะไปร้องเรียนยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิตามกฎหมาย และร้องเรียนต่อป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการกระทำดังกล่าว ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของมูลนิธิที่ระบุไว้คือห้ามเกี่ยวข้องกับการเมือง ว่ามีสิ่งที่ผิดกฎหมายและฝ่าฝืนต่อจริยธรรมหรือไม่  นายไพบูลย์ ยืนยัน ไม่เป็นการผิดกฎหมายอย่างแน่นอน พร้อมเปรียบว่าถ้ามูลนิธิเป็นสถานที่ราชการ งั้นนักการเมืองก็ห้ามไปกกต.สิ

 

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ตนตั้งมูลนิธิมามาก ซึ่งก็จะมีข้อบังคับอยู่ว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ที่ไปนั้นคือไปหา พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่ไปหามูลนิธิ และที่ไปเนื่องจาก พล.อ.ประวิตร สะดวก ยืนยันว่าไม่ได้ใช้พื้นที่ของมูลนิธิเพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง

 

ส่วนหากใครมองว่าเป็นเรื่องผิด จะดำเนินการไปฟ้องก็ไปฟ้องได้เลย และตนก็อยู่ในนั้น หากจะฟ้องก็มาฟ้องตนด้วย ยืนยันไม่เห็นว่าผิดตรงไหน

 

ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์หาก พล.อ.ประวิตร มาเป็นหัวหน้าพรรค จะถูกมองว่าเป็นพรรคของทหารนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า คนที่เคยเป็นทหาร และมาเป็นนักการเมืองถือว่าเหมาะที่สุด เพราะทหารเสียสละเพื่อชาติ และการที่ทหารมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเทียบกับอาชีพอื่นแล้ว ทหารมาเป็นนักการเมืองถือว่าดีที่สุด

 

ส่วน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในกรณีนี้เจ้าของสถานที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรม และเจ้าของสถานที่ไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มให้มีการจัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งการที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐไปเทียบเชิญพล.อ.ประวิตร ก็ต้องให้เกียรติ พล.อ.ประวิตร และการเดินทางไปในสถานที่ที่ พล.อ.ประวิตร มีความสะดวก ซึ่งไม่ว่า พล.อ.ประวิตร จะอยู่ที่ใด ก็ต้องเดินทางไปยังสถานที่นั้น

 

“ควรพิจารณาเจตนาของเจ้าของสถานที่เป็นสาระสำคัญมากกว่า การหยิบยกประเด็นเรื่องสถานที่ขึ้นมาในสังคม จึงถือเป็นการสร้างความขัดแย้งและต้องการชี้นำสังคมทำให้เกิดความแตกแยก” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

 

ส่วนที่นายศรีสุวรรณ ระบุถึงการใช้สถานที่ของมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มีวัตถุประสงค์ทางด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีพล.อ.ประวิตร เป็นประธานมูลนิธิ มาเจรจาความและดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เป็นการขัดต่อข้อบังคับของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ข้อที่ 2.7 ที่ระบุว่า ด้วยวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯกำหนดว่า “ไม่ดําเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ประการใด” ตามที่นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร (ปลัดกระทรวงมหาดไทย) ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 28 ก.พ.59 ซึ่งการเทียบเชิญครั้งนี้มีความชัดเจนว่า เป็นกิจกรรมทางการเมืองจะถือว่า มีความผิดหรือไม่ น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) ตนเองไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมเดินทางไปด้วย จึงไม่ทราบว่า การเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร เกิดขึ้นในสถานที่ใด

 

เมื่อถามย้ำว่า การไปเชิญพล.อ.ประวิตรมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะปฏิเสธได้หรือไม่ว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ต้องแยกส่วนการพิจารณาถึงประเด็นการเมือง และเจตนาของเจ้าของสถานที่ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว