กกต.ยังไม่รับรองผลเลือกตั้งซ่อมลำปางสอบซื้อเสียง-จนท.รัฐเอียง

23 มิ.ย. 2563 | 09:29 น.

กกต.ยังไม่ประกาศผลเลือกตั้งส.ส.เขต 4 ลำปาง สั่งตรวจสอบร้องซื้อเสียง –จนท.รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง ทำเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่

วันนี้ ( 23 มิ.ย.63 ) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แจ้งว่า ที่ประชุม กกต. ได้มีการพิจารณาเรื่องการประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.เขต 4 ลำปาง แทนตำแหน่งที่ว่างแล้วเห็นว่า กฎหมายกำหนดให้กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.ได้ เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นแล้วมีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม แต่เนื่องจากปรากฏว่า มีการร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีการซื้อเสียงเลือกตั้ง และกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ  

 

ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรอบคอบและเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง กกต.จึงได้มอบหมายให้สำนักงานกกต.ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่  โดยให้นำผลการตรวจสอบดังกล่าวเสนอต่อกกต.เพื่อประกอบการพิจารณาประกาศผลการเลือกตั้งภายในสัปดาห์หน้า

 

สำหรับผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 ลำปาง ผู้ชนะการเลือกตั้งคือ นายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัครหมายเลข 1 จากพรรคไทยรักไทย

                                                          กกต.ยังไม่รับรองผลเลือกตั้งซ่อมลำปางสอบซื้อเสียง-จนท.รัฐเอียง

ก่อนหน้านี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความ และคลิปภาพเหตุการณ์ที่อ้างว่า มีการซื้อเสียงในการเลือกตั้งส.ส.เขต 4 ลำปาง แทนตำแหน่งที่ว่าง บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า กกต.ต้องไม่เร่งประกาศผลเลือกตั้งซ่อมลำปาง 

ผมมีโอกาสได้พบกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย  ท่านเพิ่งกลับมาจาก จ.ลำปาง และนำหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมเกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้งมาให้ผมดูนับสิบชิ้น  มีชิ้นหนึ่งเป็นคลิปการซื้อเสียงที่ผมบอกท่านไปว่า เป็นหลักฐานที่สามารถนำไปร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ กกต.จังหวัด และ กกต.กลางได้

คลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563 เวลา 8.30 น. หนึ่งวันก่อนวันเลือกตั้ง เหตุเกิดที่หมู่ 11 ตำบลล้อมแรด อ.เถิน ซึ่งอยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 4 จ.ลำปาง  มีหัวคะแนนนำเงิน 600 บาท โดยเย็บเป็นชุดๆละ 300 บาท  นำมาให้ชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว   สามารถระบุชื่อของคนที่แจกเงินได้  และมีพยานที่พร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่

กรณีดังกล่าว เป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (1) ที่ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใด ให้ เสนอให้ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่คำนวณเป็นเงินได้  ซึ่งเป็นความผิดทั้งต่อผู้แจกเงินที่ต้องได้รับโทษตามมาตรา 158 คือจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี  และ กกต.ต้องดำเนินการตามมาตรา 132 คือ หากมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม  ก็สามารถให้ใบเหลือง ใบแดง หรือ ใบส้มแล้วแต่กรณีได้

ทราบมาว่า จะมีการนำหลักฐานไปยื่นร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ สนง.กกต.จังหวัดลำปาง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ กกต.กลางสมควรมีการไต่สวนและสืบสวนข้อเท็จจริงว่ามีการซื้อเสียงเกิดขึ้นในพื้นที่จริงหรือไม่ ไม่ควรเร่งรีบประกาศผล ทั้งนี้เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม สมกับเจตนาที่ต้องการให้เกิดการปฏิรูปทางการเมืองอย่างแท้จริง