“สุวัจน์”แนะหลังโควิด ไทยชูจุดแข็งท่องเที่ยวปลอดภัย

21 มิ.ย. 2563 | 06:17 น.

“สุวัจน์”มองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาเซียน ไทยโอกาสดีที่สุด โลกชื่นชมจัดการโควิดได้ดี แนะต่อยอดท่องเที่ยวปลอดภัย ดัน ”หัวหิน” เทียบ “ริเวียร่า”

“สุวัจน์”มองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาเซียน ไทยโอกาสดีที่สุด โลกชื่นชมจัดการโควิดได้ดี แนะต่อยอดท่องเที่ยวปลอดภัย ดัน ”หัวหิน” เทียบ “ริเวียร่า”
 “สุวัจน์”แนะหลังโควิด ไทยชูจุดแข็งท่องเที่ยวปลอดภัย

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสมาคมการท่องเที่ยวอาเซียน(ASEANTA) ในประเด็นทิศทางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยกับอาเซียน หลังวิกฤติโควิด-19 จะเป็นอย่างไร? ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.63 

“ผมมองว่าท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาส เป็นโอกาสของประเทศไทย คือ ความสำเร็จ  ในเรื่องของการควบคุมโควิดได้ ถือว่าเราได้รับคำชมเชย จากทั่วโลก ว่าประเทศไทยมีการบริหารการจัดการที่ดี มีพื้นฐานของสาธารณสุขที่ดี มีความร่วมมือร่วมใจประชาชนคนในชาติที่ดี ทำให้เราพ้นเรื่องโควิดมาได้ 
ฉะนั้น ตอนนี้ เลยกลายมาเป็นจุดแข็งว่ามาเมืองไทยนี้ปลอดภัย มาเมืองไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดี มาเมืองไทยแล้วไม่ต้องกลัวโรคนั้นโรคนี้ พื้นฐานที่เราดูแลเรื่องโควิดได้ก็เหมือนเราเอาวิกฤติมาเป็นโอกาส คือ จากนี้ไปประเทศไทยมีจุดแข็งเราก็ต้องมีการพัฒนาเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสาธารณสุข ให้เข้มแข็งต่อไป เพื่อเป็นการต่อยอดว่าเมืองไทยมีระบบสุขภาพ อนามัย  สาธารณสุข และมีโครงสร้างพื้นฐานเข้มแข็ง เพื่อเป็นการรองรับพื้นฐานเศรษฐกิจ”

นายสุวัจน์ ย้ำว่า ยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญในการพัฒนาประชาคมอาเซียน ที่มีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน ให้ทุกคนมีความอยู่ดีกินดี แล้วถ้าเราสามารถเชื่อมโยงทุกประเทศอาเซียนให้เหมือนกับเป็นแผ่นดินเดียวกัน มีภาษาการท่องเที่ยวเหมือนมียุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเหมือนกัน เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เข้าด้วยกันและสนับสนุนในเรื่องการเดินทางและมาตรการต่างๆ ก็จะทำให้อาเซียนเหมือนกับ EU แต่ EU เป็นประชาคมยุโรป แต่อาเซียนเป็นประชาคมของชาวอาเซียนด้านการท่องเที่ยว 

อันนี้ ผมคิดว่าจะเป็นอนาคตที่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด ก็มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ยกตัวอย่าง ประเทศไทยเราเคยมีนักท่องเที่ยวปีที่แล้วเกือบ 40 ล้านคน ปีนี้อาจจะเหลือไม่ถึง 25% ก็เช่นเดียวกันกับทุกประเทศที่ได้รับผลกระทบ 

ดังนั้น ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ทุกประเทศในอาเซียนต้องกลับมาทบทวนและวางยุทธศาสตร์กันใหม่ ถือว่าโควิดมาขัดจังหวะช่วงสั้นๆ อย่าพึ่งท้อถอย เราสามารถที่จะเป็นโอกาสได้ และโดยเฉพาะโอกาสของชาวอาเซียน หรือโอกาสของประเทศไทยผมเชื่อว่าจากนี้ไปพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวก็จะเปลี่ยนไป 

เรามักจะพูดคำว่า new normal คือ อะไร ทุกคนก็จะมี Social Distancing ทุกคนจะสั่งอาหารออนไลน์ ทุกคนจะ  Work from home เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่เกิดโควิด และถ้าโควิดจบพฤติกรรมจะเปลี่ยนไปไหม เขาเรียกว่า new normal  ที่เห็นชัดก็คือว่าอะไรที่มันไม่แน่ก็จะสามารถเกิดขึ้นได้ 

ขณะที่ทุกคนกำลัง enjoy กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ไม่มีใครเคยคิดว่าจะมีเรื่องโควิดเกิดขึ้น  ในเรื่องของโรคระบาด ฉะนั้น จากนี้ไปสมมติปีหน้าเรื่องโควิดจบเราก็เชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ  กิจกรรมทางการท่องเที่ยวจะกลับมาแต่จะกลับมาแบบไหน เพราะพฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ คือ นักท่องเที่ยวต้องถาม ว่าผมไปประเทศนี้ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บไหม ปลอดภัยจากโรคระบาดไหม คุณมีระบบสาธารณะสุข  ระบบหมอแพทย์พยาบาล อุปกรณ์ต่างๆ ที่จะดูแลผมไหม 

ฉะนั้น ผมคิดว่าในเรื่องของ save สุขภาพเรื่องของอนามัย เรื่องสาธารณสุข เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บถ้าประเทศไหนสามารถพิสูจน์ได้ ประเทศนั้นมีโครงสร้างพื้นฐานมีความมั่นคงแข็งแรง ในเรื่องของการดูแลสาธารณสุขประเทศนั้นก็จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว  

“ผมพูดอย่างนี้กำลังจะบอกว่าท่ามกลางวิกฤติเป็นโอกาสของชาวอาเซียน เพราะจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากทั่วโลกขนาดนี้ที่ตัวเลขผู้ประสบภัยในเรื่องของโควิดติดเชื้อกว่า 8 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 5% ก็ประมาณกว่า 4 แสนคน แต่ไปดูไซด์กลุ่มประชาคมอาเซียน มีสถิติต่ำที่สุด ประเทศไทยก็มีสถิติต่ำที่สุดมีติดเชื้อกว่า 3 พันคน เสียชีวิตกว่า 50 คน ถ้ารวมทั้งอาเซียน ผมถือว่าภูมิภาคนี้เป็นภูมิภาคที่มีความเข้มแข็งแข็งแรงในการต่อสู้กับโควิด สะท้อนให้เห็นว่าความเข้มแข็งทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสาธารณสุขของอาเซียนไม่ได้เป็นรองใครเลย นี่คือจุดแข็ง นี่ คือวิกฤติเป็นโอกาส

จากนี้ไปเราสามารถที่จะสร้างจุดแข็ง คือ promote ให้เป็นจุดขายเหมือนระบบเป็น  infrastructure ที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว  ฉะนั้น ผมคิดว่าหลังโควิดแล้วถ้าเราได้ปรับตัวและพัฒนาจุดขายของเราให้เป็นตลาดที่เข้มแข็ง มีระบบสาธารณสุข เป็น Wellness center  ของโลก  และเป็น  Medical hub ฉะนั้น ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเราน่าจะเอาจุดแข็งของอาเซียน”

สำหรับการท่องเที่ยวหัวหินนั้น สุวัจน์  มองว่า  หัวหิน เป็นหนึ่งในโครงการ ไทยแลนด์ ริเวียร่า” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบนด้านอ่าวไทย โดยเลือกพื้นที่ตั้งแต่เพชรบุรี ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี ประจวบ ชุมพร ไปจนถึงระนองยาวประมาณ 400 กว่ากิโลเมตร เราเรียกโครงการนี้ ว่า ไทยแลนด์ ริเวียร่า หมายความว่าเราจะพัฒนาโครงการนี้ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหรูหราและมีคุณภาพในความหลากหลาย เช่นเดียวกับ ริเวียร่า Riviera ของประเทศฝรั่งเศส – อิตาลี 

“เราก็มาออกแบบจุดท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีบุคลิกแตกต่างกันไป เช่น เพชรบุรีก็จะเน้นเรื่องพระราชวังเก่า  ชะอำ เป็นเมืองสนุกสนาน  หัวหินก็เป็นเมือง celebrity เพราะมีอายุยาวนานกว่า 100 ปี  ประจวบเมืองสามอ่าว ชุมพรเมืองดำน้ำของโลกมีเกาะเต่า เกาะนางนวลที่ทั่วโลกรู้จัก ระนองเป็นเมืองน้ำแร่ 

 เราสามารถสร้างบุคลิกของความแตกต่างของแต่ละเมืองของไทยแลนด์ ริเวียร่าและสร้างถนนเลาะชายหาดเชื่อมต่อการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อรถยนต์  จะทำให้โครงการไทยแลนด์ ริเวียร่าเกิดขึ้นและส่งเสริมให้เอกชนมาลงทุนในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีการหยิบยกความสวยงามของธรรมชาติอุทยานต่างๆ สินค้า otop ต่างๆ ของแต่ละพื้นบ้านมาเป็นจุดขาย”

 

 

 “สุวัจน์”แนะหลังโควิด ไทยชูจุดแข็งท่องเที่ยวปลอดภัย

นายสุวัจน์ กล่าวว่า โครงการนี้ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเสนอให้หัวหิน เป็นเมืองหลักของโครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า  

“หัวหิน”  มีชื่อเสียงเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นต้นของเอเซียนตั้ง 100 กว่าปี เปรียบเสมือนหัวหินเป็นเมือง Celebrities คือ เมืองแห่งความสุข มีบ้านของคนระดับสูง มีตลาดในเมืองหัวหิน มีอาหารอร่อย มีประวัติศาสตร์  จะเห็นได้ว่าหัวหินยังคงความงดงามของความเก่าแก่เอาไว้จนถึงปัจจุบัน มีโรงแรมที่มีที่พักทันสมัย  มีการจัดแข่งขันกีฬาระดับโลก 

ฉะนั้น เมื่อรัฐบาลปลดล็อค ตนเชื่อว่าหัวหินคือสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีโอกาสในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว  เป็นเมืองที่รักษาศักยภาพทางด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย
ฉะนั้น จากนี้ไปประเทศไทยต้องเอาจุดแข็งในเรื่องของเมืองไทยเป็นเมืองสุขภาพของโลก  เมืองไทยเป็น wellness ของโลก และหัวหินสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของ product นั้น ถ้ารัฐบาลสามารถร่วมมือกับภาคเอกชนและดีไซน์ product ของการท่องเที่ยวให้แตกต่างกันไป จะเป็นการกระจายความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้
“วันนี้ผมว่าสถานการณ์โควิดที่เราจะต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างแรง ต้องหยิบเรื่องการท่องเที่ยวและโครงการไทยแลนด์ริเวียร่าที่สามารถตอบพฤติกรรม นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า new normal Thailand มาเป็นยุทธศาสตร์ แห่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ของอาเซียน“  นายสุวัจน์ กล่าว