“ส.อ.ท.”เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน

18 มิ.ย. 2563 | 04:10 น.

“ส.อ.ท.”เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เตือนเฝ้าระวัง 3 เดือนหน้า วอนภาครัฐเร่งเสริมสภาพคล่องเอกชน ฟื้นความเชื่อมั่น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ “ส.อ.ท.” เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 78.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 75.9 ในเดือนเมษายน 2563 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัส “โควิด-19” หลังจากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวมถึงการผ่อนคลายการห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิวส์) จากเดิมเวลา 22.00-04.00 น. เป็น 23.00-04.00 น.ส่งผลดีต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ประกอบกับภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส "โควิด-19" ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ “กนง.” ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 0.50% ต่อปี ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการลดลง

“ส.อ.ท.”เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ซึ่งกระทบต่อการค้าการลงทุนและการจ้างงาน ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดย่อมประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและการเข้าถึงสินเชื่อ นอกจากนี้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทมากกว่าประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการส่งออก

ทั้งนี้  จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,157 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนพฤษภาคม 2563 พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผู้ประกอบการ 71.2% มีความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 47.7%, อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 43.4% และราคาน้ำมัน 32.5% ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง คืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.6%

“ส.อ.ท.”เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 91.5 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 88.8 ในเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการมองว่าการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐในระยะต่อไปจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่หลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เช่นกัน ทำให้คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศกลับมาขยายตัว อย่างไรก็ตามค่าดัชนียังต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังไม่ดี

ด้านข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ประกอบด้วย 1.เร่งผลักดันการใช้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงิน 5 แสนล้านบาท รวมทั้งให้บรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม หรือ “บสย.” ช่วยค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการ “เอสเอ็มอี” (SMEs) ,2.ช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดย่อมให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น  และ3.ผลักดันให้ทุกหน่วยงานภาครัฐใช้ระบบ Online ในการออกใบอนุญาตและรับชำระค่าธรรมเนียม รวมทั้งบริการอื่นๆ