“นิพนธ์”แจงกมธ.พร้อมรับมือปัญหาภัยแล้ง

17 มิ.ย. 2563 | 10:02 น.

“นิพนธ์”ชี้แจง กมธ.เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง

วันนี้(17 มิ.ย.63)  ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (สผ.) 420 อาคารรัฐสภา นายนิพนธ์ บุญญามณี  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ประธานกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และสาธารณภัย เป็นประธานการประชุม 


ทั้งนี้ได้มีการพิจารณาศึกษาถึงแนวทางและมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประภัยแล้งกรณีเร่งด่วน และหลักเกณฑ์วิธีการพิจารณาแผนงานโครงการ ร่วมถึงงบประมาณในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ตามพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไข เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้เกิดการแก้ไขที่เกิดประสิทธิภาพ

 

นายนิพนธ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทยได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชน โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งอย่างต่อเนื่องและติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการสำรวจข้อมูลแหล่งน้ำและประมาณการใช้น้ำของแต่ละพื้นที่ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร การอุตสาหกรรม และการรักษาระบบนิเวศ เพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมากเพื่อให้มีปริมาณน้ำที่เพียงพอกับความต้องการของทุกภาคส่วน 
 

                                                       “นิพนธ์”แจงกมธ.พร้อมรับมือปัญหาภัยแล้ง

สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยให้ทุกจังหวัดดำเนินการ อาทิ การกำกับติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ และปัญหาการใช้น้ำของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ และน้ำเพื่อการเกษตรอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้ประเมินสถานการณ์เป็นระยะอย่างต่อเนื่องและทันเหตุการณ์ การมอบหมายส่วนราชการ หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง การควบคุมการระบายน้ำ จัดสรรน้ำ โดยให้ความสำคัญกับการน้ำอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก 


การติดตามการดำเนินการตามแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง โดยเฉพาะสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวนาปรัง โดยให้ควบคุมไม่ให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการสนับสนุน พร้อมขอความร่วมมือไม่ให้เกษตรกรทำการปิดกั้นลำน้ำหรือสูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูก หากพื้นที่ใดมีความจำเป็นต้องสูบน้ำ ให้ปฏิบัติตามปฏิทินการสูบน้ำของกรมชลประทานอย่างเคร่งครัด และให้ดูแลการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 


นอกจากนี้ให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน และเน้นย้ำให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และทราบถึงมาตรการบริหารจัดการน้ำ ของภาครัฐ รวมถึงเชิญชวนประชาชนในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการก่อสร้าง-ซ่อมแซมแหล่งกักเก็บน้ําขนาดเล็ก เพื่อเป็นการปลุกจิตสํานึก ให้ประชาชน ใช้น้ำอย่างประหยัด และรู้คุณค่า