เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนขาขึ้น กับ 3 SSF พิเศษ จาก บลจ.ไทยพาณิชย์

16 มิ.ย. 2563 | 11:57 น.

บลจ.ไทยพาณิชย์ ชวนลงทุนกองทุนเพื่อการออมพิเศษ(SSFX) 3 ก่อน 30 มิ.ย.นี้ โค้งสุดท้ายรับสิทธิประโยชน์ภาษีเพิ่มเติมอีก 2 แสนบาท

จากการที่รัฐบาลได้เพิ่มทางเลือกการลงทุนใน กองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือ  Super Savings Fund (SSF) แทน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่ยกเลิกไปตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้นักลงทุนสามารถลงทุนรวมกับการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ต่อมาภาครัฐได้มีประกาศให้นักลงทุนสามารถลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมใน SSF พิเศษได้นอกเหนือจากสิทธิลดหย่อนเดิมอีกไม่เกิน 200,000 บาท โดยต้องลงทุนเพื่อรับสิทธิตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 30 มิ.ย. 2563 นี้เท่านั้น

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM เปิดเผยว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้เปิดเสนอขาย Super Savings Fund (ชนิดเพื่อการออมพิเศษ) พร้อมกัน 3 กองทุนในเดือนเมษายนที่ผ่านมาคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยแอคทีฟ เพื่อการออม (SCBEQ-SSFX), กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ดัชนี SET เพื่อการออม (SCBSET-SSFX) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ผสม 70/30 เพื่อการออม(SCB70-SSFX)

เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนขาขึ้น กับ 3 SSF พิเศษ จาก บลจ.ไทยพาณิชย์

ทั้ง 3 กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนในทุกสภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งนักลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 1 บาทเท่านั้น และยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click, SCB EASY หรือผู้สนับสนุนการขายอื่นๆ อาทิเช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ, บล.ไทยพาณิชย์, บมจ.หลักทรัพย์ ภัทร หรือ บล.โนมูระ พัฒนสิน

นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอย่างเต็มที่ซึ่งภาครัฐกำหนดให้มีเพียงปีนี้ปีเดียวเท่านั้น จึงได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน SFF พิเศษ รับหน่วยลงทุนกองทุนทองคำสูงสุดถึง 400 บาทอีกด้วย โดยปัจจุบัน บลจ.ไทยพาณิชย์ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของประเทศด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 26%

สำหรับกองทุน SCBEQ-SSFX เป็นกองทุนตราสารทุน ลงทุนในหุ้นไทยเฉลี่ยมากกว่า 80% เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็น High Conviction ของแต่ละโมเดลการลงทุน เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงสุด พร้อมทั้งผสมผสานหลากหลายโมเดลการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา โดยกองทุนนี้นับว่าเป็นกองทุนที่ให้ผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในกลุ่มกองทุน SSFX ทั้งหมด

ส่วนกองทุน SCBSET-SSFX เป็นกองทุนรวมดัชนี เน้นลงทุนในตราสารทุน ไม่ต่ำกว่า 80% มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Optimized Portfolio เพื่อให้ได้พอร์ตที่มีสภาพคล่องสูง และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับดัชนี SET มากที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นบลจ.เดียวในประเทศไทยที่บริหารจัดการกองทุนที่มีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามดัชนี SET มีผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 15.64% 

ขณะที่กองทุน SCB70-SSFX เป็นกองทุนผสมที่กระจายการลงทุนในตราสารทุน REITs กองทุนอสังหาริมทรัพย์/โครงสร้างพื้นฐาน ประมาณ 65% -70% และลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากประมาณ 30% เพื่อช่วยเพิ่มเสถียรภาพและลดความผันผวนของพอร์ต รวมถึงโอกาสได้รับรายได้ระหว่างทาง มีผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 12.66%