OMG Network เปิดแพลตฟอร์ม ดิสรัปต์แบงก์

20 มิ.ย. 2563 | 12:55 น.

OMG Network เปิดแพลตฟอร์มบริการการเงินยุคใหม่ แข่งแบงก์แบบดั้งเดิม ชูบล็อกเชนทำธุรกรรมไม่ผ่านตัวกลาง พร้อมหนุนนักพัฒนา-สตาร์ตอัพร่วมสร้างอีโคซิสเต็มส์ พลิกโฉมบริการทางการเงินของไทย

นางสาววรรษา จาติกวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OMG Network เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า OMG Network เป็นแพลตฟอร์มให้บริการทางการเงินที่สามารถโอนเงินได้เกือบเรียลไทม์ เชื่อมต่อเครือข่ายแบบ peer-to-peer รองรับการทําธุรกรรมการเงิน ทั้งประเภทสินทรัพย์และแอพพลิเคชันด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) ที่สามารถรองรับการทำธุรกรรมที่หลากหลาย แต่ยังไม่สามารถประมวลผลเพื่อรองรับจำนวนธุรกรรมในปริมาณมากได้ OMG Network จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อขยายขีดความสามารถให้รองรับการประมวลผลธุรกรรมทางการเงินจำนวนมาก โดยยังคงรักษาระดับความปลอดภัยข้อมูลไว้ได้และสามารถลดต้นทุนค่าธรรมเนียมได้อีกด้วย

โดยปัจจุบันรายได้ของ OMG Network มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ ลูกค้าองค์กร จากการให้คำปรึกษา การพัฒนาระบบและโซลูชันให้กับองค์กรรวมถึงรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมการ ทำรายการ (Transaction fee) และการเดินหน้าผนึกพาร์ทเนอร์องค์กรธุรกิจในอีโคซิสเต็มส์ โดยพร้อมที่จะเปิดให้สตาร์ทอัพหรือบริษัทต่างๆ เข้ามาเพื่อสร้างแอพพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้แพลต ฟอร์ม OMG Network ในเมืองไทยขณะนี้ส่วนใหญ่คือธุรกิจเกี่ยวกับ รีวอร์ด พอยท์, ลอยัลตี พอยท์ รวมไปถึงการทำ Stablecoin ซึ่ง OMG Network จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้สตาร์ทอัพเมืองไทยสเกลไปได้ เพราะปัญหาสตาร์ทอัพไทยคือเมื่อก่อตั้งขึ้นมาก็จะเติบโตอยู่แค่เพียงในประเทศ แต่หากต้องการสเกลไปยังต่างประเทศจะมีปัญหาเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่อาจจะต้องย้ายไปเริ่มต้นสร้างใหม่ในประเทศนั้นๆ แต่ OMG Network สามารถใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งขณะนี้ในไทยมีสตาร์ทอัพที่เข้ามาทดสอบใช้งานแล้วมาประมาณ 2-3 ราย อาทิ บัซซี่ บีส์, อีเว้นท์ ป๊อป เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ OMG Network ในไทยนั้น คือ การสร้างความร่วมมือกับนักพัฒนา และสตาร์ทอัพไทยเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มส์โดยการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพราะหากมองย้อนไปจะเห็นว่าแอพพลิ เคชันที่คนไทยใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นของต่างชาติ และที่เหลือที่เป็นของคนไทย คือ แอพธนาคาร อีกทั้งปัจจุบัน มีธนาคารใหม่ที่เข้ามาในไทย ถ้ากฎหมายไทยตามไม่ทัน ก็อาจจะเข้ามาเทคตลาดแอพพลิเคชันธนาคารของไทยได้ เพราะฉะนั้นจะต้องมีเรื่องของกฎหมายที่เข้ามารองรับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นกับ ธนาคารและควรจะผลักดันให้เป็นโอเพ่น แบงก์กิ้ง

 

OMG Network เปิดแพลตฟอร์ม ดิสรัปต์แบงก์

 

ด้านนายกสิมะ ธารพิพิธชัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านเทคโนโลยี OMG Network กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การรับส่งมูลค่า ได้โดยไม่ต้องมีตัวกลางเช่นเดียวกับบิทคอยน์และอีเธอเรียม ซึ่งมีหลักการที่สำคัญ 3 ข้อคือ

1. การกระจายอำนาจ ไม่มีตัวกลางในการเก็บค่าธรรมเนียม 2. บล็อกเชนเมื่อมีการบันทึกแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ซึ่งถ้าเกี่ยวข้องกับการเงินนี่เป็นหลักการที่มีความสำคัญและ 3. ไม่ต้องพึ่งคนอื่น เพราะระบบนี้มีการเปิดเผยข้อมูลเส้นทางของเงิน ที่สามารถตรวจสอบได้เอง ขณะที่ธนาคารเมื่อนำเงินไปฝากจะไม่สามารถรู้เส้นทางของเงิน แต่บล็อกเชนเป็นโอเพ่นซอร์ซ ที่สามารถดูโค้ดและเส้นทางของเงินได้ ซึ่ง 3 ข้อนี้เป็นหลักการสำคัญที่แตกต่างกับบริการทางการเงินที่มีในปัจจุบันขณะที่ปัญหาสำคัญคือเรื่องของความ เร็วในการทำธุรกรรมของอีเธอเรียมเดิม อยู่ที่ 14-15 ราย การต่อวินาที ซึ่งในระดับโลกถือ ว่าน้อยมากไม่เพียงพอต่อ การรองรับการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงเป็นที่มาที่ OMG Network นำเทคโนโลยี More Viable Plasma มาใช้ในการเพิ่มพลังการประมวลผลของอีเธอเรียม ให้สามารถทำธุรกรรมได้ครั้งละหลายพันรายการต่อวินาที ทำให้ผู้ใช้ประหยัดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ลงเหลือเพียง 1/3 จากเดิมที่เคยจ่าย แต่ยังคงไว้ซึ่ง ความปลอดภัยของอีเธอเรียมเช่นเดิม

 

“เราเป็นตัวกลางที่เป็นโอเพ่นซอร์ซทุกอย่างเปิดเผยหมด สิ่งนี้ต่างกับแอพทางการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นระบบที่สำคัญในอนาคตและการเพิ่มความเร็วของบล็อกเชนจะทำให้นักพัฒนาเข้ามาสร้างแอพทางการเงินใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มของ OMG Network ที่อยากสนับสนุนนักพัฒนาและสตาร์ทอัพไทย เพื่อให้สามารถขยายการเติบโตไปยังต่างประเทศได้” 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,584 หน้า 16 วันที่ 18 - 20 มิถุนายน 2563