เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.00-0.25% คาดศก.หดตัวปีนี้ 6.5%

11 มิ.ย. 2563 | 00:34 น.

“เฟด” ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.00-0.25% คาดเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวปีนี้ 6.5% ก่อนขยายตัว 5% ในปีหน้า

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2563 และยืนยันว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพของราคา

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด

ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้น 5% ในปี 2564 และเฟดยังส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ไปจนถึงปี 2565

 

นอกจากนี้ ยังระบุว่าจะยังคงเพิ่มการถือครองพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์

ในการพิจารณา "dot plot" ซึ่งเป็นคาดการณ์ในอนาคตของคณะกรรมการเฟดแต่ละคน พบว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดมีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับ 0.00-0.25% จนถึงปี 2565 และเฟดได้คงคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5%

 

กรรมการเฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะมีการขยายตัว 5% ในปี 2564 และ 3.5% ในปี 2565 และเฟดได้คงคาดการณ์อัตราการขยายตัวในระยะยาวที่ระดับ 1.8% 

 

ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ที่ระดับ 0.8% และคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.6% และ 1.7% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2%

 

ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปีนี้ คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1% และคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.5% และ 1.7% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ

 

นอกจากนี้ เกี่ยวกับประเด็นอัตราการว่างงาน เฟดคาดการณ์ว่าปีนี้ อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 9.3% และจะลดลงแตะระดับ 6.5% และ 5.5% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ ส่วนอัตราการว่างงานในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 4.1%

เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.00-0.25% คาดศก.หดตัวปีนี้ 6.5%

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการต่าง ๆที่รัฐบาลสหรัฐนำมาใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดนั้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และทำให้ตัวเลขการว่างงานพุ่งขึ้นด้วย

 

“ตัวเลขการใช้จ่ายและการผลิตร่วงลงอย่างหนักในเดือนเม.ย. และมีแนวโน้มว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสปัจจุบันของสหรัฐจะลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในตลาดแรงงานนั้น แม้ตัวเลขการจ้างงานจะดีดตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนพ.ค. แต่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการว่างงานในหมู่คนงานที่มีรายได้ต่ำ กลุ่มสตรี และชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน” ทั้งนี้ นายพาวเวลล์ ยังระบุว่า ชาวอเมริกันตกงานเป็นจำนวนมากกว่า 20 ล้านคนนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ และการที่พวกเขาจะได้ตำแหน่งงานกลับคืนมานั้นอาจต้องใช้เวลานานหลายปี ด้วยเหตุนี้ ภารกิจที่สำคัญของเฟด คือการฟื้นฟูตลาดแรงงานให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

 

"เส้นทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกตินั้นจำเป็นต้องใช้เวลา เราจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ และเราจะใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับคืนสู่สภาพดี" ประธานเฟดกล่าว และว่า แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความไม่แน่นอนที่สูงมาก แต่สหรัฐจะเรียนรู้ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ จะกลับมาเปิดดำเนินการมากขึ้น

 

ส่วนในเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น นายพาวเวลล์กล่าวว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ได้อยู่ในความคิดของเราเลยในเวลานี้"  และยังกล่าวด้วยว่า "ประชาชนหลายล้านคนอาจจำเป็นต้องรับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่อไปอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้"