สื่อดัง เทเลกราฟ รายงานว่า ในวันที่ 6 กรกฎาคม นี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน เตรียมประกาศแคมเปญ “รถเก่าแลกใหม่” เพื่อกระตุ้นยอดขายและการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ อีวี (EV) ให้แพร่หลายมากขึ้น ด้วยการให้ประชาชนนำ รถยนต์คันเก่า ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน ไปแลกซื้อ อีวี โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเงิน 6,000 ปอนด์ หรือ 2.4 แสนบาทต่อคัน(คำนวนจากอัตรา 40 บาท/1 ปอนด์)
สำหรับโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” เป็น “อีวี” อังกฤษหวังทั้ง ฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ปลุกตลาดรถยนต์ให้คึกคัก พร้อมกระตุ้นยอดขายรถประเภทนี้ไปในตัว ขณะเดียวกันยังเป็นการเดินตามแผนลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดย “อังกฤษ” ตั้งเป้าหมายว่า การขายรถยนต์ในประเทศจะต้องเป็น รถพลังงานไฟฟ้า “อีวี” ทั้งหมด ในอีก 20 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2583)
ปัจจุบันบริษัทรถยนต์ที่มีโรงงานผลิต EV ในประเทศอังกฤษ มีเพียง 2 รายคือ นิสสัน ที่ ซันเดอร์แลนด์ และ มินิ ในเครือบีเอ็มดับเบิลยู ที่ อ๊อกฟอร์ด นอกนั้นการทำตลาด อีวี แบรนด์ต่างๆ เช่น จากัวร์ อาวดี้ และ เทสลา เป็นการนำเข้า
ทั้งนี้ นิสสัน ลีฟ อีวี รุ่นขายดีที่สุดในโลก ที่อังกฤษขาย ราคาเริ่มต้น 26,854 ปอนด์ หรือ ประมาณ 1.074 ล้านบาท ส่วน มินิ คูเปอร์ เอสอี ราคาเริ่มต้น 24,900 ปอนด์ หรือ ประมาณ 9.96 แสนบาท
ในส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หวังให้รัฐบาลดูแลผู้ประกอบการทั้ง ห่วงโซ่การผลิต เช่นกัน หลังจาก ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จนยอดขายในประเทศและส่งออกลดลงกระทบกำลังการผลิตและการจ้างแรงงานหลายแสนคน โดยหนึ่งใน 3 ข้อเสนอคือ ขอให้ช่วยเปิดโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” แล้วรัฐบาลสนับสนุนเงิน 1 แสนบาท ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าประเภท อีวี หรือ ไฮบริด ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้
ที่มา เทเลกราฟ